รีวิวหนัง บอดี้การ์ดหน้าหัก
เห็นโลโก้บังแสงฟิล์มเห็นหน้าแม่ชื่อบอดี้การ์ดหน้าหัก บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม แต่จริงๆ แล้วเครดิตการกำกับเป็นของ พิพัฒน์ จอมโก อดีตผู้ช่วยผู้กำกับหนังไทยหลายเรื่องและช่วยเขียนบทให้ทั้งคู่ พี่แหม่ม จักราลีน และ สัมภาคเซียน จนได้รับมอบหมายให้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้เรื่องแรก
แต่ยังไงก็ต้องยอมรับว่า DNA ของแหม่ม จ๊กมก ยังมองเห็นได้ชัดเจนแก่คนดู ทั้งมุกตลกมุกหยาบคาย รวมถึงแขกรับเชิญในสไตล์ก๊อปปี้โชว์ด้านหลัง ดูเหมือนคุณแม่จะอยากผลักเป็นพิเศษหลังได้รับเชิญให้ไปออกรายการ Mom Show และไม่เพียงแต่หากได้ชมภาพยนตร์ทั้งเรื่องแล้ว หลายท่านอาจสังเกตเห็นว่าตัวหนังเองก็ไม่ได้แตกต่าง
จากการแสดงของซูเปอร์ฮีโร่มากนัก และแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงหยุดอยู่ในช่วงของการล้อเลียน หรือนำเสนอเพลงฮิตของศิลปินในแบบที่พวกเขาไม่สนใจจริงๆ ว่าจะเข้ากับเรื่องราวของตัวเองหรือไม่ หนังไทยเก่าน่าดู
จะว่าไปแล้ว “บอดี้การ์ดหน้าหัก” เป็นหนังที่เขียนพล็อตขึ้นมาแบบหลวมๆ เพราะอันที่จริง เนื้อหาสาระของมันพูดถึงแค่ “ยามวัยกลางคนที่หมดกะในการเฝ้าเวร ระหว่างทางเขาต้องแวะซื้อบะหมี่กลับบ้านไปให้เมีย แต่จับพลัดจับผลูเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ลอบสังหารระดับชาติ”
ฉากเปิดเรื่องเรามีโอกาสได้ทำความเข้าใจว่า เปรม (หรินทร์ สุธรรมจรัส) กำลังคบหาดูใจกับศร (ชิน ยูบิน) ซึ่งเธอได้พยายามแนะนำเขาให้กับพ่อชุณ (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) กำลังตกเป็นเป้าสังหารของผู้ก่อการร้าย แต่เมื่อแผนการไม่สำเร็จ เรื่องราวจึงดำเนินต่อมาให้เราได้ทำความรู้จักกับ คำก้อน (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ยามประจำธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งสนิทสนมกับเปรมราวกับเป็นลูกหลาน
ระหว่างออกกะเพื่อเดินทางกลับบ้านคำก้อน ได้รับโทรศัพท์จากเมียตัวเองให้ซื้อบะหมี่โหน่งเจ้าอร่อยกลับบ้านไปด้วย แต่แล้วระหว่างที่กำลังจะออกจากร้านนั้นเอง เหล่าผู้ก่อการร้ายซึ่งนำทีมโดย เทพ (สุเทพ โพธิ์งาม) ได้ตามมาเจอชุณ เขมพิณ อีกครั้งโดยครั้งนี้คนดูจะได้ทราบแล้วว่า เขาเป็นถึงประธานาธิบดีประเทศเขมราษธาราที่กุมความลับบางอย่างเอาไว้อยู่จนตกเป็นเป้าสังหาร ด้วยความจำใจคำก้อนจึงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือชุณให้รอดพ้นจากการปองร้ายครั้งนี้ และต้องนำบะหมี่โหน่งกลับบ้านไปให้เมียอีกด้วย
หากใครเคยดูหนังของพี่ม้าในยุคต่อมาจะสังเกตได้ว่าหนังแต่ละเรื่องมีศิลปินก๊อปปี้โชว์อยู่ตลอด ตั้งแต่ตัวปลอมของนายบีนในสมปักษ์เซียนไปจนถึงบอดี้การ์ดหน้าหักคนนี้ กับมุกตลกมากมายและโชว์เด็ดที่ภาคแรกไม่ต่างจากโชว์ในซุปเปอร์มัมอย่างตูน บอดี้สแลม เฟค แอ๊ด คาราบาว บอดี้การ์ดหน้าหัก สปอย
(แสดงโดย คาวบอย ศิลปินอินดี้เลียนแบบเสียงน้า แอ๊ดร้องเพลง) แต่ก็ยังดีที่หนังมีฟีเจอร์ให้เปลี่ยนมาเปิดตัว น้าแอ๊ด คาราบาว พี่เธียร คาราบาว ที่เข้ามาในฉากแล้วยังลองแกล้งป๊าเทพอีกซึ่งผมไม่แน่ใจว่าแหม่มจะไหวไหม ออกจากรายการทวนมุกหรือไม่เพราะโดยส่วนตัวไม่คิดว่าการนั่งดูก๊อปปี้โชว์ในโรงจะสนุกและไม่คล้องจองกับเนื้อเรื่องในหนังเท่าไหร่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวหนัง บอดี้การ์ดหน้าหัก
หากใครได้ดูหนังของพี่หม่ำในยุคหลัง ๆ จะสังเกตเห็นได้เลยว่าหนังแต่ละเรื่องจะมี ศิลปินก๊อปปี้โชว์ มาปรากฎตัวตลอด ตั้งแต่คนเลียนแบบมิสเตอร์บีนใน ส่มภัคเสี่ยน มาจนถึงบอดีการ์ดหน้าหักนี้ ที่มีมุกก๊อปปี้โชว์เยอะมากและโดดเด่นจนช่วงแรกของหนังไม่ต่างจากช่วงโชว์ในรายการซูเปอร์หม่ำทั้ง ตูน บอดีสแลมปลอม หรือ ดูหนังฟรี
ทืแอ๊ด คาราบาวปลอม (แสดงโดย คาวบอย ศิลปินอินดีที่เลียนเสียงน้าแอ๊ดร้องเพลง) แต่ยังดีที่หนังมีลูกเล่นในการสลับเพื่อเปิดตัว น้าแอ๊ด คาราบาว พี่เทียรี่ คาราบาว เข้ามาในฉาก และยังอุตส่าห์มี ป๋าเทพ ตัวปลอมอีกนะ ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่หม่ำแกจะทิ้งทวนมุกก๊อปปี้โชว์หรือยังเพราะส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าการมานั่งดูก๊อปปี้โชว์ในโรงจะสร้างความบันเทิงตรงไหนแถมยังไม่ได้ไปกับเรื่องราวในหนังเท่าใดนักด้วย บอดี้การ์ดหน้าหัก สปอยหนัง
และสิ่งที่หนังดูจะภูมิใจและเอามาเป็นจุดขายหนีไม่พ้นการนำเซเลบระดับไอคอนอย่างวงคาราบาว ทั้งน้าแอ๊ด น้าเทียรี่ หรือน้าเล็ก มาเล่นหนังบู๊ก็ทำให้เหล่านักร้องในตำนานได้มีโอกาสปรากฎตัวบนจอใหญ่ในฐานะนักแสดง พร้อมซีนหยอกจากป๋าเทพก็ทำให้การปรากฎตัวของศิลปินจากวงคาราบาวดูน่าจดจำไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งส่วนตัวโอเค
การดำเนินเรื่อง
กับบทบาทเท่ ๆ ที่น้า ๆ วงคาราบาวได้รับนะครับ แม้ว่าจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเวลาถูกยิงต้องเปิดเพลงฮิตของแต่ละคนคลอไปด้วยก็ไม่ทราบ แต่ที่ไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่ เห็นจะเป็นซีนรับเชิญของ เอกชัย ศรีวิชัย ที่มาร้องเพลง หมากัด แล้วถูกยิงตายนี่แหละที่ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมตัวละครตัวนี้ถึงโผล่มา เก่งยังไง ดูหนัง
ทำไมป๋าเทพต้องเรียกมาร้องเพลง หมากัด ให้ฟังแล้วถูกยิงตายแบบงง ๆ ขนาดนี้ แต่ก็นั่นแหละครับมันทำให้เราเห็นบารมีของชายชื่อ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ที่ทำให้เหล่านักร้องในตำนานมาตบเท้าแสดงหนังให้เขาได้อย่างพร้อมเพรียงและยังนำเพลงฮิตมายัดไว้ในเรื่องได้ครบทั้ง มนต์เพลงคาราบาว, ทะเลใจ, คนเก็บฟืน, นางงามตู้กระจก
และ หมากัด ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ต่างจากแขกรับเชิญรายการซูเปอร์หม่ำเท่าใดนัก เพียงแต่เปลี่ยนจากการสัมภาษณ์มาร่วมสนุกแสดงหนังด้วยกันเท่านั้นเอง ส่วนป๋าเทพ เราจะสังเกตได้เลยว่า พี่หม่ำ สร้างคาแรกเตอร์ เทพ ให้ป๋าจริง ๆ และการนำเสนอก็ดูเคารพและให้ซีนป๋าได้ยิงมุกและยิงปืนเท่ ๆ อยู่หลายนัด เรียกได้ว่าใครคิดถึงป๋าก็น่าจะได้ชื่นใจกันบ้างแหละ บอดี้การ์ดหน้าหัก เรื่องย่อ
พล็อตเรื่อง
อีกมุกที่ดูจะปรากฎคู่กับหนังของพี่หม่ำทุกเรื่องคือการอำในแก๊งสามช่า คราวนี้ใจดี โปรโมตร้านบะหมี่โหน่ง ให้พี่โหน่ง สามช่า แต่ก็ยังเป็นการหยอกแรง ๆ ด้วยการเอาโหน่งน้อย ก๊อปปีโชว์ที่ล่วงลับไปก่อนหนังฉายมาแสดงแทนแล้วให้ภาพพี่โหน่งตัวจริงเป็นภาพอากงที่ล่วงลับแทน แถมยังได้ซีนมีแพ็กช็อตโลโกบะหมี่โหน่งปรากฎทั้งเรื่อง ดูหนังฟรี
เรียกได้ว่าเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ไม่แพ้ธนาคารออมสินเลยทีเดียว ส่วนมุกนอกใจ-มุกเมียน้อยเป็นคนเหนือ (ต่อเนื่องจาก เชียงรายมิชชันใน ขุนบันลือ) เรียกได้ว่ามาครบแบบหลับตานึกก็มีมุกพวกนี้โผล่มาให้เห็นแน่นอน แต่กระนั้น บอดีการ์ดหน้าหักก็ยังอุตส่าห์สร้างความแปลกใหม่ในระดับที่จะเรียกว่าโกอินเตอร์ก็น่าจะได้ ด้วยการเชิญไอดอล
จากกัมพูชาอย่าง ชินยูบิน นักแสดงสาวสวยที่มารับบท ศร คู่กับดิม วงแทตทูคัลเลอร์ และยังนำยิ่งยง ยอดบัวงาม ที่เคยเป็นตัวขโมยซีนใน บอดีการ์ดหน้าเหลี่ยม มาเล่นเป็นประธานาธิบดีประเทศสมมติที่พูดภาษากัมพูชา ทำให้เห็นช่องทางเลยว่าหนังน่าจะหวังขายตลาดเพื่อนบ้านเราได้แน่นอน และยังทำให้เกิดมุกพูดกันไม่รู้เรื่องที่ส่วนตัวมอง
ว่าเวิร์กที่สุดแล้วในหนัง และพี่หม่ำก็ดูจะระมัดระวังไม่ให้กลายเป็นการล้ำเส้นไปสู่การดูถูกดูแคลนได้ดีทีเดียว จะมีเสียดายที่สุดก็เห็นจะเป็นการปรากฎตัวของ ปาย สิตางศุ์ ปุณภพ ในบท โสภา ที่ได้เวลาบนจอน้อยไปหน่อย ทั้งที่บทของเธอ ถ้าปั้นให้ดีอาจได้หนังแนวผู้หญิงสวยดุ เซ็กซี่ และบู๊แหลกได้เลย แถมหนังยังไม่ได้ให้เธอเล่นอะไรมากไปกว่าแค่ ยิงปืน ทำหน้ามุ่ย และพูดประโยคแนวตัดพ้อกับพี่หม่ำเพื่อเล่นมุกเมียน้อยที่เชียงรายเท่านั้นเอง บอดี้การ์ดหน้าหัก เนื้อเรื่อง
รีวิวหนัง บอดี้การ์ดหน้าหัก บทสรุป
ส่วนงานโพรดักชันยอมรับเลยว่าทั้งการดีไซน์คิวบู๊ หรืองานถ่ายภาพของ ทิวา เมยไธสงทำให้ภาพรวมของฉากแอ็กชันในหนังดูดีมาก เสียแค่การเลือกใช้บีบีกันในการถ่ายทำที่ดูมือสมัครเล่นไปหน่อย แม้ฝุ่นของบอลสีที่กระทบกับเนื้อตัวจะคล้ายเลือดพุ่งและมีการติดเอฟเฟกต์เลือดแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดูยังไงก็ดูออกว่าเป็นปืนบีบีกัน
จนฉากบู๊ที่ดีไซน์มาอย่างดีมามีจุดด่างพร้อยไปอย่างน่าเสียดาย แต่ภาพรวมการออกแบบฉากวินาศสันตะโรต่าง ๆ ก็ทำได้ดี แม้หลายจังหวะจะดูออกว่าได้แรงบันดาลใจจากหนังบู๊แห่งยุคอย่าง john wick อย่างชัดเจนก็ตาม โดยมีซีนน่าจดจำเยอะทั้งฉากยิงกันที่ตลาดสด การสังหารหมู่ ณ ร้านบะหมี่โหน่ง การลอบสังหารประธานาธิบดี หรือฉากบุกทลายผู้ร้ายท้ายเรื่องก็ดูสนุกดี บอดี้การ์ดหน้าหัก บทสรุป
สรุปแล้ว ใครอยากหาหนังไทยบู๊ ตลก ๆ บอดีการ์ดหน้าหัก ยังคงเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณอยู่ แต่หากมองหาหนังที่มีเนื้อหาสาระ มีข้อคิดเตือนใจ หรือหาหนังครอบครัวไม่มีพิษมีภัยให้เด็ก ๆ ได้ดู หนังยังไม่ตอบโจทย์เท่าใดนักครับ
วิธีการดำเนินเรื่องของ “บอดี้การ์ดหน้าหัก” คือการเล่าสถานการณ์ต่างๆไปเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนมุกตลกสามช่าเข้ามาแบบไม่สนใจว่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือไม่ (และตัวทีมงานก็ดูไม่แคร์ด้วยซ้ำไป) ซึ่งตลอดทางของหนัง บรรดานักร้องเพลงเพื่อชีวิตไม่ว่าจะแอด คาราบาว หรือ เทียรี่ คาราบาว ลามไปถึง เอกชัย ศรีวิชัย ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อรับบทเป็นตัวเอง และคนดูก็พอเข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของป๋าเทพอะไรประมาณนั้น
แม้จะหาเนื้อหาสาระใดๆไม่ได้ อีกทั้งหนังก็เล่าเรื่องตามแพทเทิร์นหนังมือสังหารแบบไม่มีอะไรพลิกผัน ถ้าหากคนดูเป็นแฟนรายการพวก “หม่ำโชว์” หรือ “ชิงร้อยชิงล้าน” ก็อาจจะบันเทิงไปกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่แฝงอยู่ในเรื่อง คือการที่ให้ “เป้าสังหาร” ตกเป็นของประธานาธิบดีประเทศเขมราษธารา ซึ่งชื่อประเทศสมมติมีความใกล้เคียงกับอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเคยมีประเด็นในการอยากจะแยกตัวออกมาเป็นจังหวัดใหม่ภายใต้ชื่อจังหวัดเขมราษฏร์ธานี เมื่อปี 2561 หนังก็เผยให้เราเห็นว่า
เหตุการณ์ลอบสังหารนั้นเกิดขึ้น เพราะเรื่องราวของผลประโยชน์ที่ว่าด้วยการเอื้อโอนความสะดวกในการประมูลสัมปทานให้นักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศ จนคนที่ขัดกับผลประโยชน์นั้นจะต้องถูกกำจัดให้พ้นทาง น่าจะเป็นประเด็นสากลที่สุดในหนังเรื่องนี้
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนังไทย