รีวิว กวน มึน โฮ
ภาพยนตร์เรื่อง กวนมึนโฮ เป็นหนังไทยแนว โรแมนติก คอมเมดี้ บินไปถ่ายทำที่ประเทศเกาหลีใต้ ผลงานการกำกับของ “บรรจง ปิสัญธนะกูล” ภาพยนตร์เล่าเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มไทยมาเที่ยวต่างแดน
และได้มาเจอหญิงสาวคนไทยที่ต่างคนก็ต่างไปเที่ยวประเทศเกาหลีคนเดียว ความบังเอิญทำให้พวกเขาได้เจอกันโดยบังเอิญ ทั้งสองจึงทำข้อตกลงที่จะไม่บอกชื่อแก่กัน เพื่อจะได้ออกเที่ยวเกาหลีด้วยกันอย่างสบายใจ ไม่มีข้อผูกมัดกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงนำ มากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็น” ฉันทวิชช์ ธนะเสวี “ที่มารับบทเป็น ด่าง (นามแฝง) ผู้ชายที่จะไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ด้วยเสื้อยืดย้วย ๆ และ รองเท้าแตะ
เขาเป็นคนเดียวในกรุ๊ปทัวร์ที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักมาด้วย ด้วยความเหงาและเดี่ยวดายของเขานี่เองที่ทำให้เขาเมา จนไม่สามารถตื่นทันทัวร์ได้เขาจึงถูกทิ้งไว้ที่โรงแรมคนเดียว คนต่อมาคือ
หนูนา “หนึ่งธิดา โสภณ” มารับบทเป็น (เม) หญิงสาวที่แอบแฟนไปเที่ยวประเทศเกาหลีเพียงคนเดียวเช่นกัน เพราะต้องการที่จะไปงานแต่งเพื่อน และตามรอยซีรี่ย์เกาหลีที่เธอชอบมาก
และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในเรื่องนี้ก็คือ”วรัทยา นิลคูหา “ที่มารับบทเป็น ก้อย อดีตแฟนเก่าของด่าง ที่เคยทิ้งเขาไปเพราะเขาไม่ได้ให้ความรักและความมั่นคงแก่เธอ เธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนใหม่
จนเมื่อเธอได้รับจดหมายจากด่าง เธอจึงเดินทางมาประเทศเกาหลีเพื่อบอกเขาว่าคนที่เธออยากแต่งงานด้วยจริงๆคือเขา โดยภาพยนตร์เรื่อง กวน มึน โฮ เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2553
เปิดเรื่องราวมาที่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนเพิ่งจะอกหักกับแฟนสาวมา เลยตัดสินใจไปเที่ยวประเทศเกาหลีกับกรุ๊ปทัวร์เพียงคนเดียว การไปเที่ยวครั้งนั้นของเขา เป็นการไปที่สบายมาก ๆ
เพราะเขาไม่มีของสัมภาระใด ๆ เลย มีแต่เสื้อผ้าชุดที่เขาใส่อยู่เพียงชุดเดียว และเมื่อไปถึงเกาหลีความเหงา บวกกับอกหักมาก็ทำให้เขาดื่มเหล้าไปเยอะมากเมา จนไม่สามารถที่จะตื่นทันกรุ๊ปทัวร์ทัวร์ได้ หนังไทยเก่าน่าดู
เขาตกรถและถูกทิ้งไว้ที่โรงแรม แต่ความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะเขาได้มาเจอกับสาวไทยคนหนึ่ง ที่ก็มาเที่ยวคนเดียวเช่นกัน เขาจึงขอช่วยให้สาวไทยคนนั้นเป็นไกด์นำเที่ยวให้ สาวคนนั้นตกลง และก่อนจะไปเที่ยวกันพวกเขาก็ได้ทำข้อตกลงกันว่า
ขณะที่อยู่ที่เกาหลี พวกเขาจะไม่บอกชื่อกันและกัน เพื่อจะได้เที่ยวกันอย่างเต็มที่ และไม่ต้องรู้สึกอะไรเมื่อต้องแยกจากกัน จะได้ไม่ต้องเสียใจต่างคนก็ต่างรับรู้ความรู้สึกเช่นไรแล้วเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
กวน มึน โฮ เป็นภาพยนตร์ไทยที่เล่นได้กวนและมึนสมชื่อหนังมาก
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดย จีทีเอช ออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553
ผู้กำกับ : บรรจง ปิสัญธนะกูล
นักแสดงนำโดย: ฉันทวิชช์ ธนะเสวี – หนึ่งธิดา โสภณ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ หญิงสาวและชายหนุ่มชาวไทยที่จู่ ๆ ก็ได้บังเอิญมาพบเจอกันที่กรุงโซลต่างคนต่างอกหัก เดินทางมาเที่ยวเกาหลีคนเดียวทั้งคู่ และได้ตกลงเที่ยวด้วยกัน โดยไม่ยอมบอกชื่อเสียงเรียงนาม เพราะไม่ต้องการรู้จักกันแบบลึกซึ้ง
รีวิว กวน มึน โฮ
กระแสหนังเกาหลีในบ้านเราดูยังไงยังไงก็ยังคงมาแรงอยู่ ล่าสุดค่ายหนังอย่าง จีทีเอช ก็เลยจับเอากระแสเกาหลีฟีเวอร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ กับหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” ที่ครั้งนี้นอกจากแนวหนังที่บอกว่ากวนแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนแนวการกำกับของผู้กำกับหนังแนวสยองอย่าง “โต้ง-บรรจง” ให้หันมากำกับหนังแนวฮาผสมรักโรแมนติกเรื่องนี้อีกด้วย
พร้อมกันนี้ก็ยังได้ “เต๋อ-ฉันทวิชช์” เข้าร่วมขบวนเขียนบท โดยเขียนส่งให้ตัวเองกลายเป็นพระเอกของเรื่องไปซะเลย ส่วนนางเอกมาดมึนๆ น่ะเหรอ เค้าได้จากการประกวดโครงการ ลักส์ ปั้นดาว “หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ” แหม! แค่พูดมาคร่าวๆ หนังเรื่องนี้ช่างมีความหลากหลายเสียนี่กระไร ยัง..ยังไม่หมดแค่นี้ หนังเรื่อง กวน มึน โฮ
เขายังมีที่มา หรือเค้าโครงเรื่องมาจากหนังสือของ “ทรงกลด บางยี่ขัน” เรื่อง “สองเงาในเกาหลี”
สองเงาในเกาหลี เป็นเรื่องจริงของชายไทยคนหนึ่งที่แบกเป้ไปเที่ยวเกาหลีโดยลำพัง แต่โชคชะตาก็ทำให้เขาพบกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งซึ่งแบกเป้ไปเที่ยวเกาหลีตามลำพังเช่นกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร อาจจะไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าจนไม่อาจเรียกว่าเพื่อนได้ แต่ความรู้สึกดี ๆ ของทั้งสองคนที่มีให้กัน บางครั้งอาจทำให้เราเผลอเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ได้เป็นมากกว่าแค่เพื่อนเดินทางธรรมดาๆที่บังเอิญมาเจอกัน
และเมื่อ “โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล” จับเอา พระเอกมาดกวนอย่าง “เต๋อ-ฉันวิชช์” กับนางเอกสุดมึนอย่าง “หนูนา” มาปะทะกันในเรื่อง กวน มึน โฮ ในส่วนของพาร์ทเรื่องที่เน้นไปทางกวน ต้องบอกเลยว่า “กวน จัง แก” จริงๆ โดยเรื่องเปิดมาที่ เต๋อ ที่มีอาการเมาสุดๆ ถูกกลุ่มก๊วนเพื่อนตัวดีขับรถพามาส่งที่สนามบิน เพื่อให้เต๋อบินไปเที่ยวเกาหลี แค่นี้อาจจะเห็นว่าก็ไม่เห็นกวนอะไรนี่ ภาพมาส่งความกวนก็ตอนที่เห็น เต๋อ ลากแตะ มารวมกลุ่มกับแก๊งค์ทัวร์เกาหลีนี่แหละ ได้ไป 1 กวน และในพาร์ทนี้เองที่ ผกก. ทำให้คนดูเห็นว่ามีสาวหน้ามึนคนหนึ่งกำลังเดินทางขึ้นเครื่องบินมุ่งตรงสู่เกาหลีเช่นเดียวกัน แต่ความกวนและมึนกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์ประเทศเกาหลี เสียงจากแอร์โฮสเตจ แจ้งถึงอุณหภูมิของประเทศเกาหลีว่าอยู่ในช่วงหนาว (มาก) สำหรับคนไทย ให้เตรียมอุปกรณ์กันความหนาวให้พร้อมสรรพ แต่พระเอกของเรา ที่ไม่มีอะไรเลยจะทำยังไงล่ะ เพราะเพื่อนตัวดีมาส่งแต่ตัวจริงๆ ไม่มีสัมภาระติดตัวมาเลย เราคงไม่เฉลยน่ะนะ จุดเริ่มต้นการเดินทางของหนังที่แตกต่างจากหนังสือ เพราะในหนังสือจะบอกว่าทรงกลดมาเที่ยวด้วยตัวเอง แต่ในหนังเป็นการมากับคณะทัวร์ (ซึ่ง ผกก. ก็บอกแล้วว่ามีการปรับเปลี่ยน แค่ให้มีกลิ่นอายจากหนังสือเล็กๆ )
เอาเป็นว่าหลังจากทั้งคู่มาเจอกัน ทั้ง “เต๋อ” และ “หนูนา” คน 2 คน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง มาเจอกัน ณ ที่อากาศหนาว ๆ สถานการณ์เป็นใจ การตกหลุมรักกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะมีใจให้กัน ความมัน ความฮา มันมีมาก่อนหน้านั้น เพราะมุกที่เต๋อ เขียนใส่ หรือ เพิ่มเข้าไป ทำให้คนดูหัวเราะกันอย่างลืมตัวเลยทีเดียว อีกทั้งมุกต่างๆ ของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มุก ช้างกูอยู่ไหน หรือ เบยองจุน (พระเอกในเรื่อง Winter Love Song) ที่กลายเป็นพระเอกสุดหล่อ และฮอตฮิตในบ้านเขาและบ้านเราไปแล้ว (แต่ไม่บอกหรอกนะว่าเป็นยังไง เพราะเดี๋ยวจะเสียอรรถรสสำหรับคนที่จะไปชม) ก็ทำได้ดี เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างไม่ขาดสาย น่าจะพูดได้ว่า “ฮา จริง คุณ” ได้เลย
และเมื่อดูผ่านไปในพาร์ทที่ ผกก. อยากจะสื่อให้เห็นอารมณ์ซึ้งๆ โฮๆ แต่ดูแล้วความซึ้ง เศร้า มันยังไม่ชัดเจน แค่รู้สึกว่ามันเป็นแค่ทางผ่านเรื่องราวตบให้หนังเข้าลู่เข้าทาง มาเป็นโรแมนติก นิดหน่อย ให้สมกับบรรยากาศในบ้านเมืองเขา หนาวๆ เหงาๆ ที่ต้องมีอารมณ์รักๆ เข้ามาสาละวนอยู่ แต่ทว่ามันไม่ถึงซึ่งอารมณ์ซึ้งเท่าที่ควร
และยิ่งเมื่อได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง “Before Sunrise” ที่มี อีธาน ฮอว์ก นำแสดง เป็นหนังโรแมนติกที่พูดถึงชายหนุ่ม ผู้เดินทางคนเดียว พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง และชักชวนให้เธอ ร่วมเดินทางไปด้วยกัน 1 วันเต็มๆ ก่อนที่จะลาจากกัน โดยมีคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
การนำเสนอเรื่องราวของ กวน มึน โฮ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ Before Sunrise ที่ว่าด้วยเรื่องของคน 2 คน ที่ไม่รู้จักกัน มาเจอกัน และรักกันในเวลาอันรวดเร็ว ก็ไม่แน่ใจว่า กวน มึน โฮ หรือ สองเงาในเกาหลี มีเจตนาหรือจงใจดำเนินเรื่องให้คล้ายกับ Before Sunrise หรือไม่ อย่างไร? แต่ที่แน่ๆ เราได้เห็นมุมมองการนำเสนอเรื่องราวโรแมนติก ๆ ผ่านตัวอักษรของ ทรงกลด บางยี่ขัน และได้ดูการนำเสนอมุกกวนๆ ฮาๆ จาก กวน มึน โฮ ที่เราว่าเป็นหนังสนุกอีกเรื่องที่น่าจับตามองทีเดียว
กลับมาพูดถึงการแสดงของ 2 นักแสดงนำของเรื่อง ทั้ง เต๋อ และ หนูนา ต่างก็แสดงได้ดีจนเหมือนกับว่าแสดงเป็นตัวเองของคนทั้งคู่กันเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่า หนูนา จะเพิ่งแสดงเป็นครั้งแรกกับคาแรกเตอร์มึนๆเรื่องนี้ ส่วนเต๋อ คงต้องบอกว่าเป็นการแสดงที่เป็นตัวเองที่สุดแล้ว (ขำจริง กวนจริง)
ส่วนผู้กำกับของเรื่อง “โต้ง-บรรจง” คิดว่าการกำกับหนังโรแมนติกคงไม่ใช่ทางถนัด แต่ถ้าจะพลิกมากำกับหนังขำ ฮา ได้ใจไปเลยดีกว่า
ความรู้สึกหลังดู
เรื่องย่อ
หญิงสาว(หนูนา หนึ่งธิดา) ผู้หญิงที่โกหกแฟนว่าไปงานแต่งกับเพื่อน แต่จริง ๆ แล้ว เพื่อนไม่ว่าง เลยมาคนเดียว แฟนเธอมีนิสัยจู้จี้ขี้บ่น ทำอะไรก็ห้ามไปหมด ชอบหัวร้อนและอารมณ์เสียใส่ ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ตลอด ดุหมือนพ่อ !! ชายหนุ่ม(เต๋อ ฉันทวิชช์) ผู้ชายที่ไปเที่ยวเกาหลีคนเดียว แต่งตัวโคตรชิลล์ ใส่เสื้อยืดแขนสั้น ย้วย ๆ กางเกงขาสั้น รองเท้าหูคีบ ชิลล์เกิ๊น !! เดินทางมาเที่ยวเกาหลีเพราะว่าอกหัก ลืมแฟนเก่าที่คบกันมานานหลายปีไม่ได้ เลยหนีมาเที่ยว เผื่อจะดีขึ้น มีอยู่คืนนึงชายหนุ่มก็เมาเละเทะเลย อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม นอนสลบอยู่หน้าเกสเฮ้าส์แห่งหนึ่ง โดยมีรองเท้าของใครก็ไม่รู้ เป็นหมอนคู่ใจของเขายันเช้า
วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นมา เห็นหน้าหญิงสาวพอดี เธอเอะอะโวยวายเพราะต้องการจะทวงเสื้อคลุมที่เธอเสียสละให้ห่มกายนอนเมื่อคืน หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตีมึน บอกว่าหลงทางกลับโรงแรมไม่ถูก จึงอยากขอให้หญิงสาวช่วยไปส่งหน่อยได้มั้ย แต่สุดท้ายเขาก็ไปไม่ทันทัวร์ พลาดตกรถ เพราะว่ากว่าจะเจอโรงแรมก็สายแล้ว ทัวร์กรุ๊ปของชายหนุ่มได้ไปทัวร์ที่อื่นต่อแล้ว เลยทำให้ชายหนุ่ม(เต๋อ ฉันทวิชช์) ต้องย่องตามหญิงสาวไป เพราะอยากขอวอนให้เที่ยวด้วยกันได้มั้ย ทั้งที่หญิงสาวตั้งใจจะมาเที่ยวคนเดียวแบบสาวติส จนทั้งสองได้ตกลงปลงใจเที่ยวด้วยกัน แต่มีข้อแม้ว่า จะไม่รู้จักชื่อของกัน ไม่เอ่ยข้อมูลส่วนตัวเลย โดยเที่ยวด้วยกันแบบ ใช้นามสมมุติ เรียกกันแทน เพราะไม่อยากเป็นคนรู้จักกัน เวลาพูดอะไร ทำอะไรจะได้ไม่ต้องเกรงใจใคร หรือทะเลาะกับใคร ให้เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสองคนที่มาเที่ยวต่างประเทศด้วยกันแค่นั้น
ความรู้สึกหลังดูจบ
เป็นหนังที่หลังดูจบคือ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ น่าจะเล่นต่ออีกหน่อยนึง อย่างน้อยขอรู้ชื่อ พระเอกนางเอกก่อนได้มะ ทั้งเรื่องสรุปไม่มีใครรู้ชื่อนักแสดงนำเลย คือตอนจบกำลังจะบอกชื่อ หนังก็จบเลย มันค้างคามากเลยครับ >< นอกนั้นฉากอื่น ๆ คือดีหมดเลย ยกเว้นแต่ตอนจบน่าจะเล่นไปให้สุดกว่านี้ จะดีมาก ปล. อยากให้มีภาคสอง แต่น่าจะฝันสลายเพราะหนังก็ฉายไปนานแล้ว อดเบย อาจจะค้างคานิดนึง แต่เดาว่าตอนจบมันต้องแฮปปี้แน่ ๆ เพราะพระเอก บอกรักผ่าน วิทยุพี่อ้อยพี่ฉอด ขนาดนั้น จนนางเอกร้องไห้ออกมาด้วยความซึ้งใจ
ฉากที่ประทับใจ –
1. ฉากที่พระเอกไปเที่ยวที่เกาะนามิ
หรือ ที่คุณเต๋อเขาเรียกว่า เกาะฮานามิ อ่ะ >< แล้วได้ไปนั่งกินอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งกับนางเอก แล้วก็ชมเจ้าของร้านว่า ลุง ลุง อาหารร้านลุงแม่งรสชาติเหี้ยมากเลย หมาไม่แดกอ่ะ โคตรห่วยแตกเลย พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ลุงเจ้าของร้านด้วย แล้วลุงเขาก็ก้มหัวลงขอบคุณใหญ่เลย เพราะเข้าใจว่าลูกค้าชม คือแบบซีนนี้ฮามาก ประมาณว่าที่พระเอกจะสื่อให้รู้ว่า ไหน ๆ ก็จะเที่ยวแบบไม่รู้จักใครไงละ เราพูดอะไรไปเขาก็ฟังไม่ออกหรอกไรงี้ เลยแกล้งลุงให้นางเอกดู ชอบความเล่นพิเรนของพระเอกมาก
2. ฉากที่นางเอกต่อว่าแฟนตัวเองทางโทรศัพท์
คือปกติจะยอม ๆ ไปไง แต่พอเธอโดนแฟนด่ายับ แถมยังบอกเลิกอีก ทั้งที่เป็นเรื่องเล็ก ๆ แล้วนางเอกก็ทนไม่ไหว ใส่เป็นชุดเหมือนกัน เรารู้สึกว่าเหมือนนางเอกอัดอั้นตลอดเวลาที่คบกับแฟนคนนี้ไม่เคยได้เป็นตัวเองเลย โดนสั่ง โดนห้าม ไอนั่นไอนี่ จนข้างในมันอึดอัดมาก เลยพอแฟนบอกเลิกมาแบบนี้ ก็จัดไปด่าตัดไฟ ระเบิดความในใจออกมาทั้งหมดเพื่อจบความสัมพันธ์นี้ซักที
แล้วก็ยังมีอีกหลายซีนเลยที่ชื่นชอบ ส่วนใหญ่จะเป็นฉากตลกคอมเมดี้ต้องยกนิ้วให้คนเขียนบทเลย มันฮามาก เข้ากับนักแสดงสุด ๆ โดยปกติแล้วพระเอกนางเอก ก็เป็นคนกวน ๆ อยู่แล้วด้วย แต่ละซีนมันเลยออกมาลงตัวมากขึ้น