รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

15 ปีคือระยะเวลาที่หนัง “จอมขมังเวทย์ 2020” ได้ทิ้งช่วงห่างจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก โดยเรื่องราวในภาคนี้ไปโฟกัสอยู่ที่ตัวละครใหม่อย่าง วิน (หมาก-ปริญ สุภารัตน์) ลูกชายเจ้าของค่ายมวยดังย่านนนทบุรี ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่พ่อของเขาถูกลอบสังหารจากฆาตกรลึกลับ

เพื่อชิงเครื่องรางของขลังที่พ่อติดตัวไว้ตลอดเวลา จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วิน ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การสักยันต์และนำ “ของ” ตามความเชื่อโบราณเข้ามาใส่ในตัวเอง

หลังจาก วิน (หมาก ปริญ สุภารัตน์) ต้องเจอกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง เขาจึงหันหน้าเข้าหาศาตร์อาคมเหนือธรรมชาติเพื่อหวังล้างแค้นให้กับครอบครัว แต่ยิ่งเข้าสืบหาความยิ่ง ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งถลำลึกจนแทบจะหาทางออกไม่เจอ จากเด็กหนุ่มธรรมดากลายเป็นผู้มีวิชาอาคมด้านมืดภายในเวลาอันรวดเร็ว

จนวันหนึ่งเขาได้เข้าไปพัวพันกับ อิทธิ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) จอมขมังเวทย์ในตำนานที่มีวิชากล้าแกร่งและปราบศัตรูมานักต่อนัก หลังจากนั้นวินก็ต้องเผชิญหน้ากับ ก็อด (จิรายุ ตันตระกูล) ชายหนุ่มที่พัวพันกับศาสตร์มืดจนสามารถกำหนดชะตาชีวิตของผู้คนได้และตามกำจัดเหล่าผู้มีวิชาอาคม ศึกครั้งนี้ไม่มีปาฏิหาริย์แต่ต้องพึ่งวิชาอาคมล้วน ๆ เพื่อความอยู่รอด

หนังแอ็กชั่นแฟนตาซีที่จะปลุกศาสตร์มืดให้กลับมาโลดแล่นในยุคเทคโนโลยีอีกครั้ง จอมขมังเวทย์ 2020 เป็นภาคต่อของหนังเรื่องจอมขมังเวทย์ ที่ฉายในปี 2548 และได้นักแสดงนำในสมัยนั้นกลับมาสาดมนต์คาถาอีกครั้ง บอกเลยว่าเรื่องนี้ถูกใจคนที่ชื่นชอบหนังแอ็กชั่นปนสิ่งลี้ลับแน่นอนค่ะ ทั้งภาพ แสง สี

หรือฉากบู๊มีการจัดวางอย่างลงตัว เนื้อเรื่องเข้มข้นและดาร์กสุด ๆ ทั้งคาถาอาคมและสัตว์เวทในตำนานที่ออกมาโลดแล่นอย่างสมจริง และมีการออกแบบลายสักสุดขลังจากอาจารย์หนู กันภัยอีกด้วย

เว็บดูหนัง

จอมขมังเวทย์ 2020 ติดเครื่องความตื่นเต้นให้คนดูอย่างรวดเร็ว ด้วยการซัดฉากแอ็คชั่น การต่อสู้ในสไตล์หมัดมวยมือเปล่ากันตั้งแต่ฉากแรก ใส่จุดพลิกผันให้ตัวละครอย่างวินกระโจนเข้าสู่ด้านมืด แม้ว่าผู้ชมจะไม่ได้เห็นใบหน้าของฆาตกร แต่ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมของหนังก็เอื้อให้คนดูคาดเดาได้ทันทีว่าคนร้ายของเรื่องคือใคร

แต่ถึงผู้ชมจะรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว หนังก็ยังดำเนินต่อไปได้อย่างเปี่ยมอรรถรส เมื่อ จอมขมังเวทย์ 2020 พาคนดูไปสำรวจความเชื่ออันหลากหลายไม่ว่าจะเป็น แนวคิดของคนรุ่นเก่าที่เชื่อว่า ต่อให้คนเรามีความสามารถด้วยความพยายามมากแค่ไหน “ไสยศาสตร์” เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะผลักดันให้มนุษย์มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น สวนทางกับคนรุ่นใหม่อย่างวิน ที่มองว่าความสำเร็จของคนยุคปัจจุบันคือความมุมานะพยายามด้วยตัวเองเท่านั้น

หนังยังความเชื่อสำหรับคนยุคปัจจุบัน อันว่าด้วยพลังของจักรวาล พลังบวกจากสิ่งรอบตัวและการโอบรับความสุขที่เกิดขึ้น ถูกนำเสนอผ่านองค์กรของครูเมย์ (นก-สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาผู้ที่ศรัทธาในแนวคิด “เราต้องคิดว่าเราคือสุดยอด แล้วเราก็จะสุดยอด นี่คือกฎของจักรวาล” อย่างมากมาย จนนำไปสู่การบูชาเครื่องรางของขลังที่ทำกำไรให้กับองค์กรนี้อย่างมหาศาล

ตัวละครแต่ละตัวในหนังเรื่องนี้ล้วนพัวพันอยู่กับความเชื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อในไสยศาสตร์เพราะต้องการ “เหนือกว่า” คนอื่น เชื่อในความถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย เพราะในชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเคารพในกติกาของสังคม เชื่อในการล้างแค้นเพราะจะนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ โดยไม่ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดแบบไหนก็ตาม พวกเขาใช้มันเป็นแรงผลักดันของชีวิตทั้งสิ้น

นอกเหนือจากประเด็นความเชื่อแล้ว สิ่งที่เราอดพูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือการแสดงที่โดดเด่นของ ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล ที่เรียกได้ว่าเขาออกแบบตัวละคร “ก็อด” ให้น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง การเล่นหูเล่นตา หรือน้ำเสียงในการเรียบเรียงประโยค จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า เขาเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำที่สุดจากหนังไทยในปี 2019 เลยก็ว่าได้

จอมขมังเวทย์ 2020 จึงถือเป็นหนังแอ็คชั่นภาคต่อ ที่ดูเพลิน มีประเด็นชวนขบคิด และเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ดูแล้วไม่รู้สึกเสียดายเงิน หรือเสียดายเวลาในรอบปีนี้ครับ

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

สำหรับพลังของนักแสดงต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ตัวอย่างหนังเราจะเห็นการ “ปล่อยของ” ของเหล่านักแสดงไม่ว่ารุ่นใหญ่อย่างพี่นก ฉัตรชัย หรือ พี่นก สินจัย ที่แทบไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือกันแล้ว แต่ที่น่าจับตามองมาก ๆ คือเหล่านักแสดงรุ่นใหม่จากละครช่อง 3 ทั้ง หมาก-ปริญ

ที่ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงแบบภาพยนตร์ทำให้หมากได้ใช้แอ็กติงที่ลึกกว่าละครได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าในภาพรวมคนที่ขโมยซีนหนังทั้งเรื่องกลับตกเป็นของ ก็อต จิรายุ ที่ปล่อยให้ความคลั่งของตัวละครพาเขาไปสุดทางมากกว่า ติดก็แต่ว่าด้วยความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตาเลยทำให้ความลับที่

หนังต้องการปกปิดกลายเป็นเห็นแว่บแรกก็รู้แล้วว่าคนเดียวกันเท่านั้นเอง ส่วนคิตตี-ชิชา ก็พิสูจน์แล้วว่าใบหน้าสดไม่อาจทำให้เสน่ห์เธอลดลงได้เลย มิหนำซ้ำยิ่งมองเรากลับหลงรักกระทั่งขี้แมงวันบนหน้าเธอเสียอีก ส่วนการแสดงและน้ำเสียงที่ดูเป็นตำรวจสาวแกร่งก็เย้ายวนได้แบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เสียดายก็แต่ แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา สาวสวยมากความสามารถจากช่อง 3 ที่หนังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

ด้านฉากแอ็กชัน แม้หนังจะดูออกว่าได้ทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ย แต่ต้อม ปิยะพันธุ์ ก็อุตส่าห์ใช้ความครีเอทีฟมานำเสนอมุมมองแอ็กชันใหม่ ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าฉากต่อสู้ประชิดตัวจะใช้การตัดต่อมาช่วยเยอะไปหน่อยจนขาดความดิบอันน่าตื่นเต้น แต่ฉากไสยเวทย์ต่าง ๆ ก็จัดเต็ม แม้ว่างานซีจีเราจะสู้ฮอลลีวูดยังไม่ได้แต่ถ้านับจาก ซีจีควายธนู ในหนังภาคแรกแล้วก็ถือว่ามาไกลทีเดียว แถมต้อมยังเหมือนยำใหญ่องค์ประกอบแบบฮอลลีวูดมาจัดให้คนไทยแบบถึงเครื่องโดยเฉพาะสัตว์ไสยเวทย์ที่แทบมีมูฟเมนต์การปรากฏตัวแบบนึกถึง ทรานส์ฟอร์มเมอรส์ ขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้เลยหละ

โดยภาพรวมแล้ว จอมขมังเวทย์ 2020 ถือเป็นหนังไทยที่ให้ความบันเทิงได้ไม่ขี้เหร่เลย บทหนังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีช่องโหว่ประปรายแต่ก็ทดแทนด้วยฉากแอ็กชันและพลังการแสดงอันเข้มข้น แนะนำอย่างเดียวคือควรดูภาคแรกก่อนเข้าชมจะได้ไม่งงกับตรรกะด้านอาคมในเรื่องครับ

ดูหนัง

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

ความรู้สึกหลังดู

มาพูดถึงนักแสดงกันบ้าง บทนำอย่าง “วิน” ที่ได้ หมาก ปริญ สุภารัตน์ นักแสดงคุณภาพที่บอกตรงๆ ว่าตอนแรกแอบกังวนว่าเขาจะเหมาะกับบทบาทตัวละครนี้รึเปล่า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ตัวหมากทำได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะคิวบู๊ ดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ติดขัดอะไรเท่าไหร่เลย ตามมาด้วย “ก็อด” ที่ได้ ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล หนึ่งในนักแสดงคุณภาพอีกคนที่ทั้งสองเคยแสดงละครแนวบู๊อย่างเรื่องคมแฝกด้วยกันมาก่อน บอกเลยว่า หล่อเท่โคตรอันตราย

น้องคิตตี้ ชิชา อมาตยกุล พอขึ้นจอใหญ่บอกตรงๆ ว่า “ดูสวยมากๆ” เห็นแล้วอาเจ๊นัทยังชมไม่ขาดปากเลย ส่วนน้องแพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา ก็เช่นเดียวกันค่ะ ไม่แตกต่างเลย ที่ทั้งสวยและมีฉากเซ็กซี่ๆ ให้หนุ่มๆ ที่ไปดูแอบหลงรักน้องและการแสดงได้ไม่ยาก เอาเป็นว่าหนุ่มๆ ที่ไปดูต้องเลือกแล้วละว่าจะชอบน้องคนไหน

หนังแอ็คชั่นแฟนตาซีของไทยที่ใช้เสียงซาวด์ฟุ่มเฟือยมาก แอคติ้งตัวละครประกอบคือโคตรเน่า ความไม่สมเหตุสมผลของการกระทำต่าง ๆ CG ที่ไม่เนียนแต่มีโชว์ทั้งเรื่อง แฟนตาซีจนเว่อเกินขอบเขตหนัง แต่ต้องชมแอคติ้งของตัวละครนำเลย โดยเฉพาะช่วงท้ายที่โคตรระเบิดพลัง รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่พอดูแก้ขัดได้อยู่บ้าง

เว็บหนัง

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

ก็อต จิรายุ ที่ปล่อยให้ความคลั่งของตัวละครพาเขาไปสุดทางมากกว่า ติดก็แต่ว่าด้วยความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตาเลยทำให้ความลับที่หนังต้องการปกปิดกลายเป็นเห็นแว่บแรกก็รู้แล้วว่าคนเดียวกันเท่านั้นเอง ส่วนคิตตี-ชิชา ก็พิสูจน์แล้วว่าใบหน้าสดไม่อาจทำให้เสน่ห์เธอลดลงได้เลย มิหนำซ้ำยิ่งมองเรากลับหลงรักกระทั่งขี้แมงวันบนหน้าเธอเสียอีก ส่วนการแสดงและน้ำเสียงที่ดูเป็นตำรวจสาวแกร่งก็เย้ายวนได้แบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เสียดายก็แต่ แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา สาวสวยมากความสามารถจากช่อง 3 ที่หนังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

นี่เป็นหนังไทยที่เอาไปขายต่างชาติได้แบบสบายๆเลย และผมคิดว่าพวกฝรั่งน่าจะต้องชอบแน่ๆ ด้วยเนื้อหาที่เรียกว่าเป็นสายดาร์คสำหรับบ้านเรา เรื่องความเชื่อต่างๆ ถึงแม้ว่ามันจะออกแนวเว่อร์ๆหน่อยแต่มันก็สร้างมาจากความเชื่อของกลุ่มคนบางกลุ่มที่เชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆ และหนังก็นำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าได้สนุกและน่าติดตามมากๆ ระยะเวลาของหนังเกือบ 2 ชั่วโมงนี่ไม่มีช่วงเบื่อเลยนะ คือสนุกตั้งแต่ตอนเริ่ม และค่อยๆไต่ระดับความสนุกขึ้นไปเรื่อยๆ จนไประเบิดในตอนท้ายๆ กับฉากสู้กันของตัวเอกกับตัวร้ายในเรื่อง

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

ซีจีในเรื่องนี้ไม่ถึงกับเนียนกริ๊บ แต่ก็ดูแล้วไม่ได้ขัดหูขัดตาหรือขัดใจอะไรเลย เรื่องนี้ถือเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ทำออกมาให้คนไทยด้วยกันเห็นว่า ถ้าเราจะทำเราก็ทำได้

ด้านฉากแอ็กชัน แม้หนังจะดูออกว่าได้ทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ย แต่ต้อม ปิยะพันธุ์ ก็อุตส่าห์ใช้ความครีเอทีฟมานำเสนอมุมมองแอ็กชันใหม่ ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าฉากต่อสู้ประชิดตัวจะใช้การตัดต่อมาช่วยเยอะไปหน่อยจนขาดความดิบอันน่าตื่นเต้น แต่ฉากไสยเวทย์ต่าง ๆ ก็จัดเต็ม แม้ว่างานซีจีเราจะสู้ฮอลลีวูดยังไม่ได้แต่ถ้านับจาก ซีจีควายธนู ในหนังภาคแรกแล้วก็ถือว่ามาไกลทีเดียว แถมต้อมยังเหมือนยำใหญ่องค์ประกอบแบบฮอลลีวูดมาจัดให้คนไทยแบบถึงเครื่องโดยเฉพาะสัตว์ไสยเวทย์ที่แทบมีมูฟเมนต์การปรากฏตัวแบบนึกถึง ทรานส์ฟอร์มเมอรส์ ขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้เลยหละ

สุดท้ายนี้ก็คือตัวละครจอมขมังเวทย์ในตำนานอย่าง “นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช” ที่ภาคนี้ก็ได้กลับมารับบทเป็น “อิทธิ” อีกครั้ง แถมยังจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ใช้ไสยเวทย์รุ่นใหม่ ก็เรียกว่าฉากต่อสู้ของพวกเขาก็สนุกและยังมีคำพูดที่ให้แนวคิดแก่ตัวละครหลักภายในภาพยนตร์ด้วย อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ได้แสดงร่วมกับ “นก สินจัย เปล่งพานิช” ผู้เป็นภรรยาแท้ๆ อีกด้วยนะ

โดยภาพรวมแล้ว จอมขมังเวทย์ 2020 ถือเป็นหนังไทยที่ให้ความบันเทิงได้ไม่ขี้เหร่เลย บทหนังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีช่องโหว่ประปรายแต่ก็ทดแทนด้วยฉากแอ็กชันและพลังการแสดงอันเข้มข้น แนะนำอย่างเดียวคือควรดูภาคแรกก่อนเข้าชมจะได้ไม่งงกับตรรกะด้านอาคมในเรื่องครับ

รีวิวหนังไทยมาใหม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *