รีวิว The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ

รีวิว จันดารา ปัจฉิมบท

ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ แต่จนถึงกระทั่งปัจจุปันนี้ เซ็กซ์ยังคงเป็นสิ่งที่สื่อต่าง ๆ ขยาดที่จะนำเสนอออกมาตรง ๆ และอย่างชัดเจน เซ็กซ์คือสัญลักษณ์ของความรัก การให้กำเนิดชีวิต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกที่เพียบพร้อมและดีงาม รีวิวหนัง จันดารา ปัจฉิมบท หากแต่อีกด้านหนึ่งแล้ว ความจริงที่ว่าเซ็กซ์เกิดมาจากราคะตัณหาของมนุษย์

ก็คงจะเป็นสิ่งที่มาสามารถหลีกหนีได้ แต่ถึงกระนั้น เรื่องราวของเซ็กซ์และความสัมพันธ์ทางกายที่เปี่ยมด้วยตัณหานั้นก็ยังถูกจัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำในสื่อทั้งปวงและจะถูกจัดอยู่ในจำพวกความหยาบช้าสามานย์เหมือนกับหนังโป๊ประเภทต่าง ๆ มากมายอันที่จริงหากพินิจพิจารณาแล้ว จัน ดาราก็สามารถจับพลัดจับผลูไปอยู่ในหนังประเภทนั้น

ได้ไม่ยากนัก หากเพียงแต่ความต่างมันอยู่ที่ว่าเนื้อเรื่องของการดำเนินเรื่องที่มีมากกว่าและช่วยนำพาผู้ชมไปพบกับฉากเสพสังวาสที่ดมีความหมายมากกว่าฉากกระตุ้นต่อมสัญชาติญานทางเพศเพียงเท่านั้นแต่ถึงกระนั้น จัน ดารา ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่แต่อย่างใด

เว็บดูหนัง

เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เกิดในบ้านใหญ่ท่ามกลางความเกลียดชังของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะต้องเผชิญกับความโสมมและเรื่องราวของตัณหาที่ไร้ทางออกเมื่อโตขึ้นเป็นชายหนุ่ม ก่อนที่เรื่องราวจะเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แค่มองผ่านก็สามารถบอกได้แล้วเลยว่า เนื้อหาของ จันดารา นั้นก็ไม่ได้ต่างจากละครหลังข่าวแต่อย่างใดและสิ่งที่แย่ไปกว่านั้น

ก็คือความเป็นละครหลังข่าวของมันกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่แกนเรื่อง แม้ว่าจะพยายามทำให้ตัวละครมีความเป็นคนแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแกนเรื่องที่ตัวหนังกำหนดให้ไปเดินเนื้อเรื่องตามที่ต้องการได้เลย แม้แต่ฉากเสพสังสวาสที่มักจะถูกนำมาใช้ในโลกของภาพยนตร์เพื่อสะท้อนสภาพจิตใจและเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครก็ดูเป็นการ

เพียงแค่ฉากสวยงามอันวิจิตรเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มมิติด้านลึกของตัวละครเพียงแต่อย่างใด
แม้กระทั่งตัวของ จัน ดารา ตัวละครหลักของเรื่องที่ควรจะมีความลึกและมิติของตัวละครมากที่สุด

ก็สามารถคลี่คลายปมชีวิตและการกระทำของตัละครได้ในประโยคเดียวในตัวอย่างภาพยนตร์ว่า “เพราะดังนั้น ผมจึงต้องการความรักจากอิสตรี” และสุดท้ายเราก็ได้ปัจจัยที่ดาษดื่นเพิ่มขึ้นมาอีกสิ่งหนึ่ง

ที่จริงแล้วจัน ดารานั้นก็ไม่ใช่หนังที่ชั่วร้ายหรือทำอะไรผิดแต่อย่างใด หากเพียงแต่ว่ามันเชยจนเกินกว่ายุคสมัย แม้จะนำมาเล่ายังไงมันก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกรอบดั้งเดิมที่แข็งแกร่งได้ จุดเด่นที่ยกระดับของหนังเรื่องนี้ไม่ให้จมอยู่แค่ความเป็นหนังแผ่นหรือหนังชั้นสามก็คงจะเป็นความวิจิตรของงานสร้าง การกำกับเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนหยดย้อย

รีวิว จันดารา ปัจฉิมบท

ภาพที่นำเสนอออกมาอย่างสวยงามและดูมีความเป็นศิลปะมากกว่ายั่วยุทางอารมณ์ในฉบับปัจจุปันนี้ จัน ดารา ได้ถูกแยกออกเป็นสองบท

โดยเนื้อเรื่องของภาคปฐมบทนั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่การกำเนิดของจัน ไปจนถึงจุดแตกหักทางเนื้อเรื่อง เวลาที่หนังใช้ไปก็ไปอยู่ที่การเล่าถึงอย่างตัวละครต่าง ๆ อย่างละเอียดลออและชมภาพความสวยงามที่หนังถ่ายทอดออกมาอย่างละเมียดละไม

เพราะเช่นนั้นแล้ว จัน ดารา จึงเป็นภาพยนตร์ที่ดูได้เรื่อย ๆ และมันเรื่อย ๆ จนเราอดคิดไม่ได้ว่าหากนำมันมัดเป็นสี่หรือห้าส่วนแล้วนำมาฉายลงโทรทัศนเราก็จะได้ละครโทรทัศน์อันวิจิตรและคุณภาพสูงพ่วงด้วยฉากติดเรทที่ไม่สามารถออกอากศได้หนึ่งเรื่อง แม้ระหว่างทางนั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินด้วยหลากหลายอารมณ์ทั้งความสนุกสนาน ความเศร้า หรือ

ความสะเทือนใจ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีอารมณ์เหมือนดูตัวละครประเภทนางเอกลำเค็ญที่ต้องรอไปถึงจนจุดสุดท้ายจนกว่าจะได้ตบคืนนางร้าย มันก็เหมือนกับความรู้สึกปราดเดียวที่ปะทุขึ้นมาและจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันไม่เหลืออะไรให้เราจดจำ

นอกเหนือจากนี้สิ่งที่อดชื่นชมไม่ได้ก็คือเหล่านักแสดงที่โดยรวมแล้วก็สามารถทำหน้าที่ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจจนถึงดีมาก และนี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถดึงรั้งผู้ชมเอาไว้กับหนังได้ยาวนานในอีกระดับหนึ่ง

เกือบลืมไปอย่างหนึ่ง จัน ดารา เองนั้นก็มีเบื้องหลังของฉากการเมืองที่วุ่นวาย การเปรียบเปรยเรื่องราวในบ้านวิสนันท์เป็นเหมือนฉากการเมืองในช่วงแรกนั้นน่าสนใจจนสามารถเอาไปทาบซ้อนกับฉากหลังของเรื่องได้ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก แม้กระทั่งการบอกข้อความอะไรบางอย่างที่โจ่งแจ้งชัดเจน จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจนี้เกิดขึ้นมา

เพราะเกี่ยวข้องกับตัวเนื้อหาหรือว่าเป็นข้อความที่ผู้กำกับต้องการจะแทรกถึงเอาไว้เฉย ๆ กันแน่ซึ่งหากถึงเวลาของ ปัจฉิมบท หลาย ๆ อย่างคงจะกระจ่างคลี่คลายได้มากกว่านี้เป็นแน่แท้หลังจากในภาคที่แล้ว ทำออกมาเข้มข้น จนมีแฟนๆติดหนึบหนับกันไปกับ จันดารา ฉบับ มาริโอ้ และ ตั๊ก บงกช ว่าแล้วทางผู้กำกับ

หม่อมน้อย จึงไม่รีบรอช้าที่จะเข็นออกมาให้ชมกันแบบเร็ววัน โดยได้ทีมนักแสดงชุดเดิม พร้อมในภาคนี้เสริมพิเศษด้วยแขกรับเชิญอีกเพียบด้วยนะ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตร วานิช ทำให้ ?จัน ดารา? (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ ?เคน กระทิงทอง? (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจาก

การกระทำอันเหี้ยมโหดของ ?คุณหลวงวิสนันท์เดชา? (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพำนักอยู่กับ ?คุณท้าวพิจิตรรักษา? (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จันเป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อ

ทางจดหมายกับ ?ไฮซินธ์? (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับการตามค้นหาพ่อแท้ๆ พร้อมการกลับมาล้างแค้นคุณหลวงที่เคยทำชีวิตวัยเด็กของเขาสลายไปด้วย

จันดารา ปัจฉิมบท ยังคงเป้นการกลับมากำกับเองของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล จาก ภาคแรก และ ชั่วฟ้าดินสลาย ที่ยังคงลายเส้นของเขาเอาไว้อย่างชัดเจนในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสนอกสนใจในด้านของ รายละเอียด ฉากเฉิก และ ฉากโป๊โจ่งครึ่มๆที่กลายเป็น Talk of the Town จนมีคนมากหน้าหลายวัยอยากตีตั๋วเข้าไปดูตลอด

ไม่ขาดสาย ซึ่งไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านคนอื่นเคยดูฉบับเก่าของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร หรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวความเห็นจากผมที่เคยได้ดูเวอร์ชั่นดังกล่าวมาแล้ว อยากจะบอกได้ว่าส่วนตัวนั้นเป็นคนนึงที่ค่อนข้างชื่นชอบ 30 นาทีสุดท้ายของตัวหนังเป็นเอามาก เพราะอารมณ์ของความมือม่น และ ป่นปี้ พร้อมทั้งอารมณ์ความทุเรศ อุบาทว์ ที่เกิดขึ้นในบ้าน

หลังดังกล่าว ซึ่งเนื้อเรื่อง 30 นาทีสุดท้ายของ จันดารา ภาคนั้นแหละ ก็เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันกับ จันดารา ปัจฉิมบท ที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง
โดยถ้าหากว่า ปัจฉิมบท สามารถใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากภาคก่อน ได้เช่นเดียวกับการที่ภาค ปฐมบท ได้ทำไว้ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเป็นที่น่า

เสียดายอย่างยิ่งสำหรับภาค ปัจฉิมบท ที่ไม่สามารถทำออกมาได้ดีถึงครึ่งของ ปฐมบท เลยสักนิด เพราะอารมณ์ทั้งหมดที่สัมผัสได้จากภาคนี้กลับเห็นจะเป็น ความอืดอาด ยืดยาด ในตัวบท ที่วนเวียนๆอยู่กับการรำพึงรำพันถึงชีวิตของ จันดารา โดยที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกผิดของการล้างแค้นครั้งนี้ หนำซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ ที่

จะทำให้ตัวหนังสอดแทรกสถานการณ์ตลกๆเป็นระยะๆ นั่นถือว่าเป็นอีกด้านนึงที่ทำลายความตึงเครียด และ อารมณ์ความอาลัยตายจาก ในภาคนี้จนหมดสิ้นไม่ต่างจากภาคที่แล้วเลยสักนิด

ดูหนัง

รีวิว จันดารา ปัจฉิมบท

ความรู้สึกหลังดู

ซึ่งสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นความพัฒนาในภาคนี้ คงเห็นจะมีแต่การที่ผู้กำกับ ได้ลดเลิกให้ความสนใจกับฉากการมีเพศสัมพันธุ์ และ ฉากโป๊ โดยไม่จำเป็น ให้ลดน้อยลงไม่เท่าภาคที่แล้ว และเอาเวลามาสนใจกับเนื้อเรื่องหลักเสียๆซะส่วนใหญ่ (ที่น่าเสียดายเมื่อมันออกมาแล้วกลับแย่กว่าภาคที่แล้ว) จนทำให้รู้สึกว่าฉากการมีเพศสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ละตัว ดูมีความหมายที่จะใส่เข้ามา และ ดึงพาอารมณ์ความอุบาทว์ในบ้านหลังนี้จากคนดูได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะพอสมควร

ในทางกลับกัน ด้านของ นักแสดง ในภาคนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นน่าผิดหวังพอสมควร ไม่ว่ามันจะเกิดจากบทสนทนาที่เหมือนพูดเป็นคำๆ หรือว่าการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือการที่ตัวหนังเต็มไปด้วยการแสดงๆแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ล้นแต่ก็ไม่เต็ม โดยเฉพาะหลายๆตัวละครหลัก ตั้งแต่ มาริโอ้ ยันถึง โช นิชิโนะ ที่เห็นก็จะมีแต่ คุณหลวง

อย่าง คุณ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ และ นิว ชัยพล ในบท เคน กระทิงทอง ที่ยังคงรักษามาตรฐานการแสดงของตนได้อย่างน่าสนใจ
เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมจึงคิดว่า จันดารา ปัจฉิมบท เป็นภาคที่ด้อยกว่าภาคแรกในแทบทุกด้าน ตั้งแต่ ด้านบท ลามกันไปถึงด้านของ อารมณ์ของหนัง ที่ดูไปดูมาแล้วยังออกแนวด้อยกว่า 30 นาทีสุดท้ายในภาคของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เสียอีกหละครับหนังที่เคยเป็นกระแสหนักมาช่วงหนึ่ง เป็นหนัง เรต R เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่

แต่จนถึงกระทั่งตอนนี้ ความใคร่ยังคงเป็นสิ่งที่คงจะยากมากที่จะนำเสนอออกมาตรง แม้จะปาไป 2564 แล้วก็ตามเพราะ ความใคร่คือสัญลักษณ์ของความรัก การให้กำเนิด แต่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องสกปรก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกที่ต้องการซึ่งกันและกันนั้นและคือความจริง และความจริงคือความต้องการเกิดมาจากราคะตัณหาก็คงจะเป็นสิ่ง

ที่มาสามารถสลัดมันหลุดได้ แต่ถึงกระนั้น เรื่องราวของความใคร่และความสัมพันธ์ทางกายที่เปี่ยมด้วยตัณหานั้นก็ยังถูกจัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำในเป็นภาพยนตร์ แต่ไม่สำหรับภาพยนตร์จันดารา เพราะเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีหลายๆอย่างซ่อนไว้จากแกหน้าที่เราเห็นอยู่

เว็บหนัง

รีวิว จันดารา ปัจฉิมบท

ตัวหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยกำลังอยากรู้อยากลองที่เกิดในบ้านใหญ่ที่เต็มไปไฟแห่งความเกลียดชังของพ่อ และเขาก็โตมาแบบนั้นก่อนที่จะต้องเผชิญกับและเรื่องราวของตัณหาที่ไร้ทางออกเมื่อเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายหนุ่ม ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ชายหนุ่มได้ทำได้แค่มองผ่านก็สามารถบอกได้แล้วเลยว่า

เนื้อหาของ ภาพยนตร์จันดารามันก็ละครไทย เวอร์ชั่น หนังโรงดีๆ เนี่ยแหละศิลปะของความใคร่ไม่มีถูกหรือผิดที่จริงแล้วจัน ดารานั้นก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ไทยที่ร้ายแรงอะไรแบบนั้นหรือทำผิดอะไรแต่อย่างใด

รีวิว จันดารา ปัจฉิมบท

หากเพียงแต่ว่ามันย้อนยุคสะจน คนยุคใหม่ตามไม่ทัน จนเกินกว่ายุคสมัยนี้ไปแล้ว จุดเด่นที่ยกระดับของจันดารา
เรื่องนี้ไม่ให้จมอยู่แค่ความเป็นแผ่นหนังหรือหนังชั้นเกรด B ก็คงจะเป็นความวิจิตรของงานสร้าง การกำกับเล่าเรื่องที่ละเอียด เรื่องราวของคนไทยสมัยก่อน ภาพที่นำเสนอออก

มาอย่างสวยงามและดูมีความเป็นศิลปะมากกว่าทำให้เกิดอารมณ์อย่างว่าหลังจากดูจบก็ได้เอามาขบคิดกันว่าเพศเป็นเรื่องศิลปะ มากกว่าเป็นเรื่องที่มนุษย์ 2 คน ไปทำเรื่องมิงามกันบนเตียง เพราะเช่นนั้นแล้ว จันดารา มันเลยงดงามในตัวมัน และมันก็ทำให้จนเราอดคิดไม่ได้ว่าหากนำแยกเป็น 6 หรือ 7 ตอนแล้วนำมาฉายลง Youtube บ้านเราก็จะได้

เห็นยอดวิวเกิน 10 ล้านแน่ ๆ และคุณภาพสูงพ่วงด้วยฉากศิลปะที่ไม่สามารถออกอากาศได้
ความเศร้า หรือ ความสะเทือนใจ ความรัก ความใคร่ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีอารมณ์เหมือนดูตัวละครประเภทนางเอกลำบากที่ต้องรอไปถึงจนจุดสุดท้ายจนกว่าจะได้ตบคืนนางร้าย

มันก็เหมือนกับความรู้สึกปราดเดียวที่ปะทุขึ้นมาและจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนอดรู้สึกมันละครไทยเวอร์ชั่นติดเรต นี่หว่า

รีวิวหนังไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *