รีวิว ฉลุยแตะขอบฟ้า
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง รีวิว ฉลุยแตะขอบฟ้า หนัง Cha Lui Tae Khob Fah หรือชื่อไทยว่า ฉลุย แตะขอบฟ้า โต้ง กับ ป๋อง สองอันเดอร์ด็อก ที่เป็นคู่ซี้ที่มีดนตรีอยู่ในหัวใจ แต่ที่ทั้งคู่ยังไม่มีคือ เงิน และต้นทุนทางสังคมอื่นๆ รีวิวหนัง ฉลุย แตะขอบฟ้า นอกจากความฝันอันแสนไกลที่ยังไม่เคยไปถึง จึงเป็นชีวิตที่แม้แต่หมายังไม่อยากมอง ทั้งคู่อยากเป็นนักร้องนักดนตรี อาชีพที่พวกเขารักและหลงไหล ซึ่งทั้งคู่ก็พยายามอยู่หลายครั้งหลายวิธี
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน ความพยายามก็ยังเป็นแค่ความพยายาม ความฝันก็ยังเป็นได้แค่ความฝันเมื่อโต้งป๋องต้องมาเจอกับอีเจ๊สลายฝันเจ้าของคอนโดฯที่มาตามทวงค่าเช่าห้องที่ติดค้างทุกวันๆ ทำให้ความฝันที่มีเหลืออยู่น้อยนิดของโต้งป๋องลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นใจแต่ไปไม่เป็น พอท้งคู่ไปเสนองานที่ไหนก็จะถูกไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาทุกครั้งจะทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปซะหมด คนมันอันเดอร์ด็อกก็มักจะซวยซับ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อนอย่างนี้แหละครับจน
วันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่ท้อแท้หมดกำลังใจที่จะไล่ล่าตามหาความฝันที่ไม่เคยเป็นจริงอีกต่อไป เกิดเป็นผักยังมีความฝันว่าจะได้เจอน้ำ เพื่อเติบโตและงดงาม เกิดเป็นคนทั้งทีก็อย่าให้อายผัก คนเราถ้าไม่มีความฝันแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร นอกจากความฝันแล้ว พระเจ้าก็ยังมอบความรักให้มาเป็นพลังใจอีกด้วย โต้งป๋องบังเอิญไปปิ๊งปั๊งกับ ตุ๊กตา สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในซอยใกล้ๆกัน
ทำให้ชีวิตของโต้งป๋องกลับมามีสีสันมีแรงบันดาลใจอีกครั้ง ทั้งคู่หันหลังให้ความฝัน แล้วเดินหน้าเข้าใส่ความรัก โต้งป๋องสลับกันทำความรู้จักและแย่งกันจีบตุ๊กตา จนเมื่อความรักของพวกเขาจะพอมีความเป็นไปได้ ทั้งคู่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคชีวิตอีกครั้งซันชายน์ หนุ่มคู่แข่งที่หน้าตาก็ไม่ได้หล่อหรือดูดีกว่าโต้งหรือป๋องสักเท่าไหร่เลย แต่ปัญหาคือ ซันชายน์ดันเป็นนักร้องดาวรุ่งจากเวที AF ที่สาวๆ กำลังกรี๊ดกันทั้งเมือง
และสาวตุ๊กตาก็ดูเหมือนจะไม่ยอมตกกระแสนี้ด้วยเช่นกันเมื่อรู้ว่าสาวตุ๊กตาชอบศิลปินและเสียงเพลง โต้งป๋องตัดสินใจหวนกลับไปหาความฝันเดิมอีกครั้ง เพื่อตุ๊กตา พวกเขาจะต้องเหนือกว่าไอ้หนุ่มซันชายน์ให้ได้ โดยมี พี่ตึ๋ง หลานอีเจ๊สลายฝัน เพื่อนรุ่นพี่ที่มีความฝันอยากจะเป็นผู้จัดการศิลปินชื่อดังเหมือนกับเอศุภชัย ให้คำแนะนำว่า พ.ศ.นี้ถ้าจะให้โดนใจสาวๆก็ต้องเคป๊อบเท่านั้น
และเคป๊อบของแท้ก็ต้องไปแจ้งเกิดที่เกาหลีด้วยพี่ตึ๋งบอกว่าถ้าอยากได้ตุ๊กตา ก็ต้องไปเป็นศิลปินที่เกาหลี
เหมือนกับ นิชคุณ ศิลปินเคป๊อบไทยที่ไปสร้างชื่อในเกาหลีจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเอเชีย โต้งป๋องถึงกับอึ้ง ลำพังแค่จะหาเงินกินเกาเหลาสักชามยังลำบาก จะให้ไปเกาหลี เอาอะไรคิดครับพี่ พี่ตึ๋งแนะ ถ้าพวกมึงมัวนั่งคิดนอนคิด ความฝันก็คือความฝัน แต่ถ้าพวกมึงลงมือทำ ความจริงก็คือความจริงเว้ย ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ มึงก็อยู่กับความฝันไปจนตายแหละ
ด้วยบุญบารมีและความสามารถของพี่ตึ๋งที่แจ๊คพ๊อตไปได้เงินมาก้อนหนึ่ง ทำให้โต้งกับป๋องมีโอกาสบุกไปถึง CJYP ค่ายดนตรีค่ายยักษ์ในเกาหลี แถมยังได้เจอกับนิชคุณที่นั่นอีกด้วย โต้งป๋องได้รับน้ำใจและกำลังใจจาก นิชคุณ ซึ่งเป็นไอดอลของพวกเขาไปเต็มๆ สู้ๆครับความฝันอยู่อีกไม่ไกล แต่ความบรรลัยมักจะมาถึงก่อน โต้งป๋องทำเงินและพาสปอร์ตหาย อะไรที่ไม่คิดฝันว่าจะเจอก็ได้เจอ
ทั้งฝันดีฝันร้าย ทั้งเจอโจร เจอตำรวจ เจอแท็กซี่ เจอนักดนตรี เจอลุงๆป้าๆ เจออาม่า และอีกสารพัดเจ๊ๆเฮฮาปาจิงโกะเพราะความจริงมันไม่ง่ายเหมือนความฝัน โต้งป๋องต้องเจอกับสารพัดปัญหาและเรื่องราวผิดที่ ผิดทาง ผิดวัฒนธรรม จนถึงขั้นผิดใจกันเองเมื่อทั้งคู่ดันไปเจอกับ มีฮา สาวเกาหลีน่ารักคนหนึ่งที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ
ตุ๊กตา สาวที่ทั้งคู่เคยขับเคี่ยวแย่งจีบกันอยู่ มีฮา โผล่มาสร้างความสดใสและความสับสนให้กับโต้งป๋อง ว่าจะตุ๊กตาหรือมีฮากันดีเรื่องราวความรัก และความฝัน ของโต้งและป๋อง กับตุ๊กตาหรือมีฮา จะออกหัวหรือก้อย จะรอดไม่รอด จะจบลงยังไง และที่ตรงไหน โปรดติดตาม 4 มิถุนานี้ ทุกโรงภาพยนตร์
รีวิว ฉลุยแตะขอบฟ้า
ผมอยากขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการทำหนังเรื่อง ฉลุย แตะขอบฟ้า ออกมาให้ได้ชมกัน
เพราะหนังทำให้ผมตระหนัก (อันที่จริงคือตระหนักอยู่แล้ว แต่ก็ทำให้ตระหนักหนักขึ้นไปอีก) ว่า “ฉลุย” ต้นฉบับ คือหนึ่งในหนังไทยแห่งความทรงจำ ที่ไม่มีเรื่องไหนจะมาแทนที่ได้ และไม่เสื่อมสลายความดีที่มีไปตามกาลเวลา
พล็อตของฉลุยเก่าและใหม่ก็คล้ายกันครับ
ว่าด้วย 2 หนุ่มเพื่อนซี้ที่เดินตามความฝันของตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขาต้องฟันฝ่าอุปสรรคสารพัด เจอเรื่องให้ท้อ เจอก้าวที่พลาด และเจอวันที่ล้มจนแทบลุกขึ้นไม่ไหว แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่น พวกเขาก็ยังเดินหน้าต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ฝันเป็นจริง
บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้ดูฉลุยฉบับเก่ามานานครับ แต่มันยังอยู่ในความทรงจำ มันคือ จิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ในหัวใจวัยรุ่นไทย (ณ สมัยนั้น) อย่างผม ให้รู้ว่าความฝันมีไว้ให้เดินหน้า แต่ทุกสิ่งอย่างก็ใช่จะสมใจดั่งต้องการเสมอไป ดังนั้นเราต้องกล้าเดินต่อ และพร้อมจะรอวันแห่งความสำเร็จ
ประเด็นหนึ่งในฉลุยต้นฉบับที่ผมชอบ คือการจิกกัดคำว่า “มีสาระ” ได้แบบเจ๋งมากๆ ที่จะมีอยู่ตอนหนึ่ง 2 ตัวเอกพยายามประกอบอาชีพมาประทังชีวิต แล้วก็ทำของกินหลายรสหลายสีออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า
พวกเขาก็เลยพยายามทำของกินดีๆ มีสาระออกมา จนคนๆ นั้นชมว่า “มีสาระขึ้นนะ”
แต่ขอโทษครับ ขายไม่ออก เพราะลูกค้าแห่ไปซื้อร้านอื่นที่มีของกินหลากสีหลากรสมากกว่า (และไม่มีใครถามหาสาระสักกะราย)
ความรู้สึกหลังดู
จำได้ตอนผมดูนั้น ผมยังไม่มีบัตรประชาชนเลยครับ แต่มันทำให้ผมตั้งคำถามว่า “จริงเหรอ?” (และแน่นอนครับ พอโตมาก็รู้ว่า “มันจริง” พอสมควร)
ผมดูฉลุยต้นฉบับตอนอายุไม่เท่าไร แน่นอนว่ารอบแรกๆ ผมไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่มันสนุก มันตลก ผมเลยหามาดูอีกเมื่อโตขึ้น แล้วความชอบก็มากขึ้นตามลำดับ
… เอาเป็นว่า ผมเชื่อว่าหนังทุกเรื่องก็ย่อมมีคนชอบและมีคนไม่ชอบเป็นเรื่องปกติธรรมดา หากอยากลองก็ไม่ว่ากันครับ ท่านอาจเป็นหนึ่งในคนที่ชอบ ในขณะที่ผม ก็ดูแบบเรื่อยๆ ชอบคำคมที่หนังหยอดเข้ามาบ้าง แต่อาจไม่ได้ขำหรืออินกับหนังสักเท่าไร
“ผมอยากขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการทำหนังเรื่อง ฉลุย แตะขอบฟ้า ออกมาเพราะหนังทำให้ผมตระหนักว่า “ฉลุย” ต้นฉบับ คือหนึ่งในหนังไทยแห่งความทรงจำ ที่ไม่มีเรื่องไหนจะมาแทนที่ได้”
ตามความเข้าใจของผม ธีมของฉลุยคือ ความฝัน และการมุ่งมั่นเดินไปตามหาความฝัน และชื่อของฉลุยเวอร์ชั่นรีบูท (ผมขอเรียกรีบูทละกันนะ) ก็คือคำว่าแตะขอบฟ้า แต่ตัวหนังอย่าว่าแต่จะไปแตะขอบฟ้าเลย แค่เริ่มต้นด้วยการพยายามปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านยังตกต้นไม้ลงมาเลย
ฉลุย แตะขอบฟ้าเป็นหนังที่พังมาก ล้มเหลวมากในเกือบจะทุกๆด้าน และสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้คือความลึกของตัวละครที่ไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้เลยว่า ป๋อง กับ โต้ง จะเป็นคนที่มีความฝันและไปตามความฝันในสายดนตรีแบบที่ในเรื่องพยายามจะนำเสนอ
คือยังไงก็อดที่จะเอาไปเทียบกับของเดิมไม่ได้ สมัยนั้น บิลลี่ กับ เอ็มสุรศักดิ์ ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะว่าไปก็แทบโนเนมเลย มาแสดงเป็นโต้งกับป๋องได้อย่างมีเสน่ห์
แม้สองคนนี้อาจจะไม่ได้มีความสามารถทางดนตรีมากมายขั้นเทพอะไร โดยเฉพาะเอ็มสุรศักดิ์นี่ขนาดมาออกเทปจริงนี่เสียงยังหมาไม่-(แต่เทปขายได้นะ)
แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็ทำให้เราเชื่อว่าเป็นนักดนตรีได้
แต่สำหรับ ป๋อง กับ โต้ง ปี2015 สองคนนี้ไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าพวกเค้าจะเป็นนักดนตรีได้ และที่แย่ที่สุดคือ ความมุ่งมั่นของสองคนนี้ที่อยากจะเป็นศิลปินนั้นมันทำเพียงเพื่ออยากจะเอาชนะใจผู้หญิงที่ชื่อ ตุ๊กตาในเรื่อง ซึ่งต้องพูดเลยว่า ตุ๊กตา ในลุย2015 นี้เป็นตุ๊กตาที่โคตรพังและดูแล้วรู้สึกเลยว่าไอ้สองตัวนี้จะเดินตามความฝันเพื่อผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆหรอ
คือตุ๊กตาของปี2015 นี้ดูธรรมดามาก ไร้เสน่ห์ เพลนและไม่น่าจดจำเท่า ตุ๊กตา ของปี 2531 ที่รับบทโดยคุณรัชนก พูลผลิน ดังนั้น ตุ๊กตาที่เป็นแรงบันดาลใจก็ไม่ใช่ ตัวละครโต้งกับป๋องก็ไม่สามารถทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าจะมีความมุ่งมั่นอะไรได้ ดังนั้น ความฝันของโต้งกับป๋อง มันก็เลยบางเบาล่องลอยเคว้งคว้างจับต้องอะไรไม่ได้เลย
สภาพของฉลุย 2015 จึงมีสภาพไม่ผิดอะไรกับหนังวัยรุ่นเพลนๆที่ยกพลไปถ่ายทำที่เกาหลี และก็เต็มไปด้วยมุขตลกสมัยพระเจ้าเหาที่เหมือนนักแสดงมันจะตลกกันเอง แต่คนดูไม่ขำด้วยฉากที่ไปเต้นให้ร้านขายอัลบั้มรูปดูแล้วบอกว่าจะขอออกอัลบั้มนี่ถามจริงๆ เอาสมองส่วนไหนคิด ฉากนั้นผมขำไม่ออก และรู้สึกผิดหวังมากว่านี่คือหนังไทยระดับสตูดิโอใหญ่คิดได้แค่นี้เองเหรอ ถ้าบอกว่าเป็นมุขสดใหม่ของพจน์ อานนท์ นี่ผมจะเชื่อเลยนะ แต่มุขนี้ผมไม่ให้ผ่านนะ
บวกกับการแสดงที่ออกแนวล้นมากเพราะการดีไซน์และตีความของนักแสดงหรือแอ้คติ้งโค้ชก้ไม่รู้ มันทำให้ผมมองว่า โต้งกับป๋องในฉลุย2015 นี้มีสภาพเหมือนสองคู่หู Dumb and Dumber มากกว่า ที่โง่ซื่อคาเฟ่ปัญญาอ่อน ผมนึกสภาพไม่ออกเลยว่าสองคนนี้มันจะมีความฝันได้ยังไง
อย่างที่บอก การหาข้อมูลในการทำหนังผมว่าจำเป็นมาก สุดท้ายผมก็อดที่จะชื่นชม GTH ไม่ได้ อย่างหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่เอาชีวิตของวิศวะกรที่ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้ามาให้เราดูจนเชื่อว่า เคนธีรเดช เป็นวิศวกรได้ แต่สำหรับ โต้งกับป๋อง ในปี2015 คุณอังเคิลไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าสองคนนี้เป็นคนดนตรี เพราะผมแทบไม่เห็นสองคนนี้ร้องเพลงเลยตลอดเรื่อง
และที่บอกตลอดเวลาว่าจะไปเต้นให้คุณปาคที่ CJYP ที่เกาหลีดูยิ่งทำให้ผมตกใจ เพราะโต้งกับป๋องแทบจะไม่มีเสต็ปในการเต้นที่แข็งแรงพอที่จะมั่นหน้าไปโชว์หรือไปออดิชั่นอะไรให้ CJYP ดูเลย แต่การเข้า CJYP ของโต้งกับป๋องก็ยังพยายามที่จะเข้าไปด้วยวิถีแบบไทยๆคือเข้าไปเพราะเคยรู้จักคุณปาร์ค ก็กะจะหวังคอนเนคชั่น ซึ่งก่อนที่ผู้กำกับจะเอาประเด็นนี้มานำเสนอ
ผมขอถามว่า มีนิชคุณมาร่วมแสดง ไม่ลองถามนิชคุณก่อนเหรอว่าการที่จะเข้า CJYP ได้นี่คือแค่มีเงินแล้วเดินไปเต้นให้เค้าดูมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนนี้ผมว่าล้มเหลวนะครับ