รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

ในวันที่ใจอยากเข้าโรงหนังใจจะขาด พลาดหนังไปหลายเรื่อง ดูหนังหลังชาวบ้าน เสาร์นี้จึงต้องหาเรื่องเดินเข้าโรงหนังให้จงได้ พบว่า ช่วงนี้ ตัวผมเองดูหนังไทยถี่ขึ้น ถ้าจะพูดอีกนัย ก็อาจจะพูดได้ว่า หนังไทยที่ออกมาในช่วงนี้ แน่นอนว่า จั่วหัวขึ้นมาเสียขนาดนี้ คงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจาก ‘ชั่วฟ้าดินสลาย’ ของ ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล นั่นเอง

เมื่องานเขียนอมตะของ มาลัย ชูพินิจ หรือ เรียมเอง ได้ถูกนำมาถ่ายทอดอีกครั้งในแบบฉบับภาพยนตร์ โดยหม่อมน้อย บุคคลที่ทั้งวงการให้ความเชื่อถือ ภาพยนตร์ไทยแนวดราม่าย้อนยุคจึงได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยความละเอียดละเมียดในการถ่ายทำ และเล่าเรื่อง ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงอยู่แล้ว และองค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความสมบูรณ์อยู่ในตัว ทำให้ผมไม่กล้าที่จะพลาดชมหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ หนังที่ตัวผมเองรู้สึกว่า “น่าดู” หลายเรื่องมากขึ้นนั่นเอง  หนังไทยเก่าน่าดู

ชั่วฟ้าดินสลาย เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ผิดค่านิยมทางสังคมอย่างร้ายแรง อย่างที่ตัวละคร นิพนธ์ (เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) บอกเอาไว้ว่า “อย่างกับนิยายเล่มละสลึง”

หนังเล่าเรื่องราวการลักลอบเป็นชู้ของ ยุพดี (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ม่ายสาวชาวเมือง ที่เป็นเมียใหม่ของ พะโป้ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) คหบดีม่ายชาวพม่า ผู้เป็นเจ้าของปางไม้ในป่าลึกที่จังหวัดกำแพงเพชร กับ ส่างหม่อง (อนันดา เอเวอริงแฮม) หลานชายบุญธรรมชาวพม่าผู้ไม่ประสีประสาในเรื่องผู้หญิงและความรัก

หนังนำเสนอเรื่องราวผ่านมุมมองของ พี่ทิพย์ (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ลูกน้องคนสนิทของพะโป้ โดยเป็นการเล่าเรื่องราวให้นิพนธ์ฟังอีกทอดหนึ่ง ชั่วฟ้าดินสลาย อาจไม่ใช่หนังที่อัดแน่นด้วยประเด็นอันหนักหน่วงของผู้สร้าง แต่มันก็มีประเด็นที่น่าสนใจในหลายแง่มุมให้ได้วิเคราะห์กันสนุกสมอง  ดูหนัง

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

ชั่วฟ้าดินสลาย เป็นภาพยนตร์โศกนาฏกรรมความรัก กำกับโดย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ มาลัย ชูพินิจ นำแสดงโดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, เพ็ญเพชร เพ็ญกุล และ ดารณีนุช โพธิปิติ ชั่วฟ้าดินสลายเป็นการกลับร่วมงานกันอีกครั้งระหว่างหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพกับสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากผลงานเรื่องแรกคือ เพลิงพิศวาส ที่สร้างชื่อให้กับ สินจัย เปล่งพานิช ถึง 26 ปี และห่างจากผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด อันดากับฟ้าใส ที่อนันดาแสดงเป็นพระเอก ถึง 13 ปี ออกฉายวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553  ดูหนังใหม่

ชั่วฟ้าดินสลาย เป็นผลงานกำกับและเขียบทภาพยนตร์เรื่องที่ 9 ของหม่อมน้อยในรอบ 26 ปี ซึ่งจะโดดเด่นด้วยการออกแบบงานสร้างในรูปแบบศิลปกรรมล้านนาโบราณและเครื่องแต่งกายตามขนบธรรมเนียมล้านนา ได้รับเรตติ้ง “น 18+” (ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป) ได้เปิดตัวรอบสื่อมวลชน ณ บริเวณชั้น 6 โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์  เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ซึ่งหม่อมน้อยเคยดัดแปลงและกำกับบทประพันธ์ของ มาลัย ชูพินิจ มาแล้วจากเรื่อง แผ่นดินของเรา ในรูปแบบละครโทรทัศน์ เมื่อปี พ.ศ. 2539

ใบปิดภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ช่างภาพมืออาชีพและนักแสดงนำของเรื่องอย่าง ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ นอกจากจะเป็นนักแสดงมารับบท พะโป้ แล้ว ยังได้ถ่ายภาพใบปิดภาพยนตร์ มีสโลแกนว่า “เสน่หาชั่วข้ามคืน ความขมขื่นชั่วนิรันดร์”    ชั่วฟ้าดินสลาย สปอย

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลสถาบันต่าง ๆ และสามารถกวาดรางวัลจากสถาบันใหญ่ ๆ ทั้งสาขาภาพยนตร์, นักแสดง และทีมงานเบื้องหลัง

การดำเนินเรื่อง

ในปี พ.ศ. 2475 ยุพดี (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ม่ายสาวหัวสมัยใหม่จากพระนคร เธอรักการอ่านหนังสือ รักดนตรี และศิลปะร่วมสมัยเป็นอย่างยิ่ง และจากอาชีพเลขานุการที่ทำให้เธอสมาคมกับชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย ทำให้แนวความคิดของเธอสมัยใหม่กว่าสตรีชาวสยามในยุคสมัยนั้น ยุพดีกำพร้าทั้งบิดามารดา ดูหนังไทย

เธอต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้ส่วนลึกในใจของเธอนั้นแสวงหาซึ่งความรัก แล้วเธอได้สมรสกับ “พะโป้” (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) คหบดีม่ายชาวพม่าอายุคราวพ่อ ผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้านายชั้นสูงในรัฐฉาน เจ้าของกิจการป่าไม้อันมั่งคั่งแห่งกำแพงเพชร มีนางบำเรอหลายสิบนางอยู่ในอาณาจักรแห่งเขาท่ากระดานของเขา ทั้งคู่ได้เดินทางไปใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาที่ปางไม้เขาท่ากระดาน ซึ่งยุพดีคิดว่าชีวิตของเธอได้ถูกเติมเต็มแล้วในทุกๆ ด้านจาก “พะโป้” สามีที่เธอรัก

เมื่อยุพดีได้มาพบเจอกับ “ส่างหม่อง” (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) หนุ่มพม่าผู้หล่อเหลาแต่แสนบริสุทธิ์ในกามโลกีย์ผู้เป็นหลานชายของพะโป้ ส่างหม่องกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเด็กและได้รับการอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากพะโป้ผู้เป็นอา ทำให้เขาเคารพรักและบูชาพะโป้ประดุจบิดา และ “ทิพย์” (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ชายชาวพระนครวัยกลางคน ผู้ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เขาเป็นผู้จัดการปางไม้ของพะโป้ที่เขาท่ากระดาน ทิพย์เป็นคนเปิดเผยซื่อตรง และน่าเชื่อถือ ทำให้พะโป้ไว้วางใจเขายิ่งนัก ชั่วฟ้าดินสลาย สปอยหนัง

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

พล็อตเรื่อง

“มะขิ่น” (ดารณีนุช โพธิปิติ) เป็นอดีตนางบำเรอเอกของพะโป้ที่ถูกปลดระวางไปเป็นแม่บ้านในอาณาจักรปางไม้เขาท่ากระดาน เธอรักและซื่อสัตย์ต่อพะโป้อย่างสุดจิตสุดใจ แม้จะถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี นั่นทำให้มะขิ่นรู้สึกอิจฉาที่ยุพดีเข้ามาเป็นนายหญิงคนใหม่และได้ครองทั้งตัวและหัวใจของพะโป้ไปเสียทั้งหมด ส่างหม่องและยุพดีต่างก็เกิดความเสน่หาต่อกัน ยิ่งทั้งคู่ได้ชิดใกล้กันมากเท่าไร ก็ยิ่งเกิดอาการหวั่นไหว และอยากอยู่ด้วยกันมากขึ้นเท่านั้นตามสัญชาตญาณหนุ่มสาวที่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ  ดูหนังฟรี

ในที่สุด ทั้ง “ส่างหม่อง” และ “ยุพดี” ก็มิอาจต้านทานความปรารถนาของตนและยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสตัณหาอย่างถึงที่สุด ทั้งคู่ก้าวล้ำเส้นของการเป็นหลานและอาสะใภ้โดยลอบเป็นชู้กัน และแล้วเมื่อพะโป้ได้ล่วงรู้ความจริงอันน่าอัปยศเช่นนี้ เขาดูเหมือนจะสงบนิ่งอย่างผู้ผ่านประสบการณ์และเข้าใจโลกยิ่งนัก แต่จริง ๆ แล้วในใจเขากลับร้อนรุ่มด้วยโทสะจริต อย่างไม่คาดฝัน พะโป้ตัดสินให้ยุพดีเมียสุดที่รักได้อยู่กินกับส่างหม่องหลานรักอย่างเปิดเผย ภายใต้เงื่อนไขอันแสนโหดร้ายด้วยการล่ามโซ่ตรวนคล้องแขนติดกัน

ในเวลาต่อมา ส่างหม่องและยุพดี หมดความอดทน ต้องการที่จะปลดโซ่ตรวนออก แต่พะโป้ไม่ยอมปลดออก ทั้งคู่จึงหนีตายดาบหน้า จากบ้านผาจันไปที่ปางนางรอ ใกล้ปางช้าง ทุกคนพากันตามหา ไล่ตามจับได้ ต่อมายุพดีได้ตั้งท้องกับส่างหม่อง ทั่งคู่จึงเข้าไปหาพะโป้ เพื่อขอกุญแจปลดโซ่ตรวนออก พะโป้จึงเสนอทางออกให้ด้วยปืน ส่างหม่องได้เลือกทางนั้น โดยยุพดีเต้นรำกับส่างหม่องเป็นครั้งสุดท้าย ส่างหม่องให้ยุพดียิงเขา แต่ยุพดียิงตัวเองตายแทน  ชั่วฟ้าดินสลาย วิเคราะห์

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย บทสรุป

ส่างหม่องอุ้มร่างยุพดีมาเพื่อรับกุญแจ แต่พะโป้กล่าวว่า “ชั่วฟ้าดินสลาย” ทิพย์ทนไม่ได้ที่เห็นเป็นแบบนี้ จึงเข้าไปขอกุญแจกับพะโป้ พะโป้กลับปฏิเสธ ส่างหม่องจึงนอนกับร่างศพของยุพดี เช้ารุ่งขึ้น ร่างของยุพดีเน่าเปื่อย ส่างหม่องตกใจเสียงดัง มะขิ่นจึงเอาดาบมาฟันมือของยุพดี ส่างหม่องวิ่งเตลิดเปิดเปิง กระเจิดกระเจิง กระเซอะกระเซิง คล้ายเป็นคนบ้า เข้าป่าหายไป และร่างศพของยุพดีก็ฝังอยู่ในป่าโดยไม่มีพิธีกรรมทางศาสนา ในที่สุดพะโป้ได้นำส่างหม่องกลับมา หลังจากที่หายเข้าป่าไปหลายวัน

10 ปีต่อมา ใน พ.ศ. 2486 “นิพนธ์” (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) นักเขียนหนุ่มวัย 35 ประจำที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติ รายวันและรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์อันเป็นที่นิยมใน พุทธศักราช 2486 บิดามารดาของเขามีอาชีพค้าไม้ ทำให้ครอบครัวของเขาได้ทำธุรกิจ และสนิทสนมกับพะโป้ ในวันหนึ่ง เมื่อเขากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่กำแพงเพชร

ได้รับการเชิญจากพะโป้ให้เข้าป่าล่าสัตว์ที่ค่ายพักเขาท่ากระดาน ในระหว่าที่ได้พักนั้น เขาได้ยินเสียงคร่ำครวญก้องจากป่า ทำให้นิพนธ์สงสัย จึงไปถามทิพย์ นิพนธ์ได้รับรู้เรื่องราวอันน่าพิศวงในโศกนาฏกรรมรักของส่างหม่องและยุพดี ที่มีกิเลสตัณหาเป็นที่ตั้ง อันนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ให้นิพนธ์ได้รับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องราวจากปากของทิพย์

นิพนธ์ได้เก็บข้าวของจะรีบกลับ ในระหว่างที่กลับไปบ้านเกิดนั้น เขาได้เห็นส่างหม่องในรูปร่างคนบ้า ที่เสียสติอยู่ ในท้ายเรื่อง  ชั่วฟ้าดินสลาย บทสรุป

รีวิว ชั่วฟ้าดินสลาย

โดยรวมหนัง

โดยส่วนตัว ผมเองไม่ค่อยได้ชมผลงานหนังไทยจากฝีมือคนรุ่นก่อนสักเท่าไหร่ ผมพบบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากหนังของคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากพอดู หนังอาจดูเคร่งเครียด ทำให้โทนหนังดูแก่ไปสักนิด แต่สิ่งที่หนังสื่อสารนั้นหนักแน่น ให้แง่มุมและแง่คิดไปพร้อมๆ กัน ถ่ายภาพออกมาสวย หลายฉากนี่อึ้งทีเดียว เพราะสวยมาก แต่หลายฉากก็เห็นชัดว่า ฉากดูเป็นป่าน้อยไปนิด แถมเห็นลางๆ ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์วิ่งบนถนน การถ่ายฉากย้อนยุคไกลๆ ในเวลาปัจจุบันนี่ ค่อนข้างยากในบางสถานการณ์แฮะ

สิ่งหนึ่งที่ตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ก็คือ ยุพดีเดินป่า ใส่รองเท้าส้นสูงนี่มันเดินกันไหวเหรอครับ  ชั่วฟ้าดินสลาย สนุกไหม

หนังดำเนินเรื่องค่อนข้างฉับไวแต่ก็ไม่มากนัก บทค่อนข้างแข็งแรง นักแสดงเปี่ยมคุณภาพ แต่บางคนพูดจาไร้ “ร เรือ” ไปเยอะ ดำเนินเรื่องแบบเรียบเรื่อย มีกระเพื่อมบ้าง แต่กระเพื่อมน้อยๆ มีช็อตยาวๆ ให้ลุ้น มีฉากวับๆ แวมๆ นี่ก็ให้ลุ้นเช่นกัน แต่ทุกจุดที่เป็น “หัวนม” ถูกเซ็นเซอร์หมด ให้เห็นอย่างมากก็แค่ “ตูด” เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ทำให้ง่วง แต่ตามเรื่องไปได้ตลอด หนังอาจไม่ได้ให้น้ำหนักลงไปมากพอ ที่จะให้คนดูเชื่อว่า ตัวละครในหนังนั้นรักกันมากมายเพียงใด และน่าเสียดายที่ช็อตเรียกน้ำตามีเพียงช็อตเดียวเท่านั้น…

จะมีขัดใจบ้าง ก็ตรงไดอะล็อกของฉากถัดๆ มาที่ต่อไม่สนิทกับฉากก่อนหน้า และบทพูดของ “ยุพดี” บางช่วงที่ดูตลกๆ นอกนั้น ถือว่า ทำได้ดีมากๆ ถือเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ควรค่าน่าไปดู   รีวิวหนังไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *