สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิว หนังไทยเก่า จะบอกว่าเก่าก็ไม่ได้ เพราะมาปี 2022 เรื่อง ทองดีฟันขาว Thong Dee Fun Khao 2017 หนังไทยดีๆที่ต้องดูให้ซักครั้งนึงในชีวิต และ บอกเลยว่าเนื้อเรื่องดำเนินได้อย่างดีไม่มีความซับซ้อน และ ไม่งง อีกอย่างนึงที่อยากให้ดูเพราะฉากและภาพทำออกมาได้ดีมากๆ รวมถึงนักแสดงด้วย ก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างสุด
รีวิวหนังไทยแอ๊คชั่น ศิลปะมวย ทองดีฟันขาว
แอดมินเคยแอบคิดว่าหนังอิงประวัติศาสตร์ลำดับที่ 10 ของ บิน บันลือฤทธิ์ นายทองดี ฟัน ข่าว ประวัติ อาจจะล้าหลังลงไปอีก ครั้งนี้ฉันคิดผิด! ฉากต่อสู้หรือมุกตลกของป๋าอาร์ได้กลิ่นอายของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ระดับโลก “เฉินหลง” ในภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น และเป็นหนังแนะนำเพราะมีลูกเล่นเสียงรอบทิศทางทั้งเสียงคนคุยกัน เสียงนก เสียงน้ำกระทบพื้นและเสียงเข่ากระทบคางช่วยเพิ่มอรรถรสในการชม .
ทองดีมีเพื่อนตายติดตามคือบุญเกิด ผมไปขอให้เจ้านายสอน แต่เขาไม่ยอม โชคดีที่ลูกสาวเจ้านายช่วยเรียนมวยไทยจากพ่อ ในระหว่างการเดินทาง เขาช่วยผู้หญิงลึกลับกับรถของเขา จึงได้แหวนเป็นรางวัล ต่อมาเรียกว่า ลาย
(ซ้าย) ‘ทองดี’ หรือ ‘จอย’ (ขวา) ร่วมยงค์
หลังจากนั้นก็มีเหตุให้บุญเกลต้องเจอเรื่องใกล้ตาย วาสนาก็มีไดเรืองที่ช่วยทองดีได้จึงบอกว่าคราวนี้จะมาแทนคุณ แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้ต้องทะเลาะกับเรือง และครั้งนี้ ทองดีเลือกที่จะตอบแทนด้วยชีวิต หลังจากนั้นชีวิตของทองดีก็เปลี่ยนไปกลายเป็นพระยาพิชัยขี่ม้ากอบกู้บ้านเมืองร่วมกับพระยาตากจนดาบหักอันเป็นที่มาของ”พระยาพิชัยดาบหัก”
ผกก. บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และทองดีฟันขาว หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ
ทองดีฟันขาว ทำไมถึงต้องนักมสวยชื่อดังอย่าง บัวขาว ?
สถิติการชก 316 ไฟต์ ชนะ 262 (ชนะน็อก 68) ของบัวขาว บัญชาเมฆ การันตีความเก่งกาจ และเมื่อเจอหน้า “บัวขาว” ก็รู้แล้วว่าคนนี้ชกมวยเก่ง ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือเล่าเรื่องได้กระชับ ไม่เสียเวลา แสดงพัฒนาการของตัวละคร แค่เห็นหน้า “บัวขาว บัญชาเมฆ” ก็ใจเต้นแล้ว เชื่อว่าใครเจอปัญหานี้เป็นลมแน่ๆ เรื่องราวเกี่ยวกับมวยไทย ฟ้อนดาบ และกายกรรมยังเพิ่มสีสันอีกด้วย
ส่วนนักแสดงที่มารับบท “จอยกับเชิด” ตอนเด็กๆ นักแสดงอย่าง “บัวขาวกับนันทวุฒิ” ที่มารับบท “จอย หรือ ทองดีกับเชิด” ก็เป็นแคสติ้งที่หาได้ยากในโรงหนังไทย นอกจากนี้ ทุกคนที่มีบทบาทในเรื่องนี้ก็ยอดเยี่ยมและเหมาะสมอย่างยิ่ง ดูไม่แสบตาเลย ต้องยอมรับว่านักแสดงเก่งจริงๆ ฉันไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้ได้หากไม่ได้นั่งในโรงละคร
ฉากต่อสู้อย่างมันส์ 2 ชั่วโมงไม่มีผิดหวัง
การต่อสู้ VS ประสิทธิภาพ
ถ้าถามถึงฝีมือการแสดงที่นอกเหนือจากฉากบู๊…แอดมินคิดว่าถ้าเป็นนักแสดงก็เทพและอาชีพหลักก็เป็นนักแสดงอยู่แล้ว เรื่องนี้ใครได้นั่งดูก็ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นคอมเมดี้เพราะฝีมือการแสดงของน้องชายและจังหวะการพูดที่ไม่เหมือนใคร ส่วนบางคนถามว่าชกในงานเลี้ยงน้ำชาของบัวขาวสนุกไหมสู้บนเวทีได้ไหม? มันเป็นการแสดงและพวกเขาจำกัดหนึ่งภาพ มิฉะนั้นพันธมิตรจะต้องนอนในโจ๊ก หรือจะนอนรอเราไหว้พระ แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญก็ได้
สู้ให้ถึงที่สุดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะบาดเจ็บ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งนี้ แอ็กชันจัดเต็ม ฉันไม่เสียใจที่เสียเวลาดูหนังรอบดึกถึง 2 ชั่วโมง มีฉากที่ลูกศรเสียบจากด้านหลังทะลุด้านหน้า เขาจับแม่กุญแจ เชือดคอ เลือดไหลทะลักออกมา ถึงกับต้องร้อง “เฮ้ย!ศอกทิ่มหัวจนนักแสดงสมทบเห็นดาราด้วยกัน ต่อยกันจนหน้าสั่นฟันขบเล่นจริง เจ็บจริงไม่ต้องพึ่งตัวสำรอง”
หนังนายทองดีฟันขาวเต็มเรื่อง ยังแสดงฉากเจ็บปวดแบบสโลว์โมชั่น ฝนสาดทุกอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าทริลเลอร์ ปลอดภัยสำหรับเด็ก (ผู้ใหญ่) สตรีมีครรภ์ (ใจแข็ง) ผู้สูงอายุอาจต้องพกน้ำหอมติดตัวไปด้วย แค่ดูและอย่าคิดว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบและไม่มีอะไรจะทำให้ทุกคนพอใจ บางครั้งฉันคิดว่ามีข้อบกพร่องด้วยการตัดภาพที่แปลก ๆ ดื้อรั้นและดิบ ๆ ออกไป
ข้อมูลภาพยนต์และผู้กำกับการทำหนัง
(กลางซ้าย) โปรดิวเซอร์ ยอด ภาพยนตร์ นานาชาติ ทองดี ฟัน ข่าว ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล, บิณฑ์ บันลือฤทธิ์
ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง
“ทองดีฟันขาว” กำกับโดย ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล ที่เคยสร้างอย่าง “บางระจัน (2543)” หนังไทยในดวงใจของผู้เขียนที่เชื่อว่าคนไทย 99% ต้องเคยดูในฐานะผู้อำนวยการสร้างมาจนถึงตอนนี้ ผมจำได้แม่นมาก เห็นได้ชัดว่าในตอนนั้น อ้ายทองลิน (แสดงโดย บิณฑ์ บันลือฤทธิ์) ชายจรจัดที่ไร้ระเบียบและไม่รู้จักพอ กำลังเผาควาย และกวัดแกว่งขวานเพื่อกอบกู้บ้านเมือง ชอบจุ่มและเมาใต้เกวียน
บางระจัน 2543 กำกับโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, ธนิตย์ จิตนุกูล
หมู่บ้านบางระจัน บรรยากาศดีมาก เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อน จากวันนั้นถึงวันนี้ เราได้เห็นการร่วมงานกันของโปรดิวเซอร์ ธนิต จิตนุกูล (ปื๊ด) และผู้กำกับ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ “ทองดีฟันขาว” จากภาพยนตร์เรื่อง สหมงคลภาพ โอ๊ย สะใจ!
รีวิว นักแสดงหลักๆที่โดดเด่น ใน ทองดีฟันขาว
ทองดีฟันขาว นักแสดง หลักและบทบาทของพวกเขา
ทองดีฟันขาว (บัวขาว บัญชาเมฆ)
จอยหรือทองดี ไม่ใช้หมาก จะทำให้ฟันขาว (กว่าคนอื่น) พูดน้อย ต่อยหนัก มีอารมณ์ขัน กำปั้นเป็นเป้าหมาย มีรักแท้ ส่วนคนรักถ่อมตัว
รามยงค์ (ศรศิลป์ มณีวรรณ์)
นางกำนัน-หัวหน้าผู้คุ้มกัน “แม่สมร” เมียพระยาตาก ฟันดาบมวยเก่งเพราะมีป้าซึ่งเป็นครูมวยของพระยาตากด้วยความมั่นใจ
เชิด (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์)
ทองดี ลูกชายเจ้าเมืองพิชัยเป็นคู่แข่งตัวฉกาจตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่เด็กยันตีตาย อวดดี เอาแต่ใจ ชอบเอาพ่อมาดัน ลุง ‘พันธ์ฤทธิ์’ ให้เดา
บุญเกิด (วรรณภูมิ ทรงทรัพย์)
เด็กกำพร้าที่ถูกกำหนดให้ติดตาม Tundi ไปทุกที่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนเหมือนพี่น้อง จริงใจต่อคนรอบข้าง ไม่เป็นภาระของใคร
หมวยเล็ก (ชุติรดา จันทิตย์)
ลุงหมวย ลูกชายเจ้าของโรงอุปรากร เก่ง หมวย ชิน เป็นคู่แข่งของบุญเกิด มีความสัมพันธ์ตามธรรมชาติกับทองดี เขาออกจากโรงงิ้วและติดตามทองดีและบุญเกิด (พ่อเขาไม่หึงเลย 555)
‘อ้ายเรือง’ รับบท ‘วิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล’ อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ไม่มีอยู่จริง!
เรือง (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล)
ชายลึกลับที่คอยช่วยเหลือเมื่อทองคำตกที่นั่งลำบาก นั่นเป็นเหตุผลที่ถงตี้ หลวนเจิ้งขอให้ตอบแทนบุญคุณเมื่อมีโอกาส ท่าทางน่าเกรงขาม น่าเกรงขาม มีทั้งลูกน้องและเงิน แต่ก็ยังมีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้จนตัวตาย
อาจารย์เฮา (จรัญ งามดี)
ชายนิรนามเคยขึ้นชกกับนักมวยนิรนามในทองดี ด้วยเหตุนี้ ทองดีจึงเดินทางไปฝึกมวยตามส่วนต่างๆ ของสยาม จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองกลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง
สรุปโดยรวมและวิจารณ์ส่วนตัวหลังดูภาพยนต์จบ
สรุป ทองดีฟันขาวตอนจบ
จอย หรือ ทองดี เป็นเด็กชายที่สนใจในกีฬามวยแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว แม้ว่าพ่อจะเป็นนักมวยแต่ก็มีคู่ต่อสู้คือ เชิด ลูกชายผู้ว่าฯ มีแก๊งค์คิดเล็กคิดน้อยมากมาย ฉันชอบอวดมาตั้งแต่เด็ก เชิดชอบเลี้ยงดูคนรอบข้างของทองดีและทำตัวเหมือนเด็กน้อย (ชอบเล่นไปทั่ว) เมื่อเธอยังเป็นเด็ก แต่นั่นก็เป็นอีกแรงผลักดันให้ทองดีเก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเชิดตามรังควาน .จอยหรือทองดี คนที่ฟันขาวเพราะไม่เคี้ยวหมากมีอยู่ทั่วไปที่ทองดีเคยไป ส่วนทองดี ที่โดนคนไม่รู้จักตีก็เที่ยวขยันเรียน เปลี่ยนนักมวย ฝึกที่ค่ายนี้ ย้ายเสร็จ ก็ย้ายไปที่อื่น
หนังทองดีฟันขาว” ฉากบู๊เพียบ ไม่นึกว่าหนังไทยจะมีฉากบู๊แบบนี้ ตลกจนคนดูขำไม่หยุดไม่มีมุกใต้สะดือหรือเล่นพ่อแม่ลูกก็มีคำสบถบ้างแล้วแต่สถานการณ์และยุคสมัย แต่คำที่หนังสื่อออกมายังไม่นุ่มนวลพอ พาหลาน(โต)ไปดูได้สบายใจ