รีวิว ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง รีวิว ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด (ไม่ทราบว่าทำไมคำว่าจ้วดออกเสียงด้วยวรรณยุกต์เสียงตรีแต่ใช้ไม้โท ทั้งที่ จ.จาน เป็นอักษรกลาง) เข้าฉายในประเทศไทยตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2564 พร้อมกับภาพยนตร์อีกเจ็ดเรื่องโดยที่เรื่องนี้มีกระแสไม่ดีนักจึงได้รอบฉายค่อนข้างน้อย คนดูในรอบแรกของเรื่อง
ยังน้อยกว่าร่างทรงและส้มป่อยในเวลาเดียวกันนี้เสียอีก กลายเป็นอีกเรื่องที่ถูกดองไว้นานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ นำแสดงโดยโอปนิธิ และแอน อรดี ภาษาที่ใช้เป็นอีสานขอนแก่นทั้งเรื่อง ประเภทของหนังเป็นโรแมนติก-คอมเมดี้ หรือหนังรัก-หนังตลก ความรักและความผิดหวังในเรื่องนี้เกิดขึ้นแบบง่ายเกินไปและจงใจเกินไป
แต่โอปนิธิก็แสดงได้ดี รีวิวหนัง ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด จนสามารถทำให้เรื่องราวที่ไม่สนุกนี้พอที่จะมีอะไรดีๆ ให้ดูอยู่บ้าง นอกจากจะได้เห็นบทดราม่าดีๆ จากเขาแล้ว ยังมีคุณยายสองคนช่วยสร้างสีสันดึงดูดความสนใจได้ตลอดเรื่อง ส่วนบทตลกของเรื่องนี้ที่หนังตั้งใจทำให้เป็นประเภทหลักนั้นไม่ดีเลย ไม่สนุกเลย ไม่ประทับใจ ไม่ชอบเลย
แต่ก็มีนักแสดงตลกท่านหนึ่งแสดงให้ผ่านเฉพาะตัวเองได้อยู่ คนอื่นๆ ไม่รอด นางเอกเองก็ได้รับบทที่ไม่ค่อยดีแต่ก็ถือว่ามีสเน่ห์พอเพียงกับการที่ทำให้ผู้ชายหลายคนหลงรักได้ นอกนั้นตัวประกอบทุกคนล้วนไรบทบาทที่น่าประทับใจแม้ว่า
เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ โรแมนติก ดราม่า ผลงานการกำกับของ อุเทน ศรีริวิ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นโอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ที่มารับบทเป็น เคน หนุ่มผู้ฝันอยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง เพราะเบื่อการทำงานโรงงานในเมืองใหญ่เต็มที
เลยลาออกกลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่เป็นโรคความจำเสื่อม โดยมีปีเตอร์เพื่อนรัก คอยให้คำแนะนำแถมให้ยืมมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา เคนหลงรักสาวโรงงานชื่อเฟิร์น ที่เพิ่งรู้จักจนเคนยอมทำทุกอย่างเพื่อเฟิร์น ทั้งที่เฟิร์นคิดกับเคนแค่เพื่อนเท่านั้น คนต่อมาคือณิชนันทน์ อินทรสอน รับบท เฟิร์น
สาวโรงงานผู้มีความมุ่งมั่นในหน้าที่การทำงาน เพราะเธอมีภาระหนักต้องดูแลแม่กับน้องสาวที่กำลังจะจบมอปลาย และหาทางให้พ่อเลิกขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ คนต่อมาคือจักรรินท์ ศิลา มารับบท แมน แฟนของเฟิร์นที่เพิ่งเลิกรากันไป เพราะแมนเจ้าชู้แต่แมนยังก็ตามง้อขอคืนดีกับเฟิร์นอยู่ เพราะแมนเชื่อว่าเฟิร์นยังรักตัวเองอยู่
คนต่อมาคือพรรณนิภา เขียวเพชร ที่มารับบท กระต่าย น้องสาวของเฟิร์น ชอบแต่งหน้าไปโรงเรียนอาศัยอยู่กับพี่สาวและแม่ มักทำตัวนอกลู่นอกทางบ้างแต่ในใจก็รักพี่สาว และเชื่อฟังพี่สาวมาโดยตลอด และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือสุรพงศ์ เกาะชัยภูมิ มารับบท บิว หนุ่มเรียนเทคนิคแฟนของกระต่าย โดยภาพยนตร์เรื่อง ผู้บ่าวไทบ้านอีสานจ้วด เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2557
รีวิว ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด
ภาพยนตร์เรื่อง ผู้บ่าวไทบ้านอีสานจ้วด เปิดเรื่องราวมาที่ เคน ชายหนุ่มที่กำลังเบื่อหน่ายกับการทำงานโรงงานในเมืองใหญ่ จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านทำให้เขาได้พบกับ เฟิร์น หญิงสาวผู้มุ่งมั่นในการทำงานและรักครอบครัวแต่เธอนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่แมนแฟนที่เธอรักกลับนอกใจเธอเธอเลยเลิกกับแมน และจึงขอให้เคนที่เป็นเพื่อนใหม่แกล้ง
เป็นแฟนใหม่ของเธอเพื่อจะให้แมน ตัดใจจากเธอ แต่เคนกลับหลงรักเฟิร์นจริง ๆ และเฟิร์นก็ดูเหมือนจะมีใจให้เคน แต่ความรักของสองคนนี้จึงไม่ง่าย เมื่อเคนค้นพบว่า แม่ ของเขากำลังมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ เคนต้องการเปิดร้านลาบ เพื้อคืนความจำแม่ ส่วนเฟิร์นที่แม้จะโชคร้ายในความรัก แต่เธอก็โชคดีเพราะเธอสอบคัดเลือกไปทำงานที่ญี่ปุ่นผ่านเธอจึงต้องไปทำงานเพื่อที่ญี่ปุ่น โดยที่เคนไม่มีโอกาสได้ไปส่งเธอ บทสรุปของความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ในภาพยนตร์เรื่อง ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด
เริ่มจากเคนชายหนุ่มผู้ผิดหวังการชีวิตการงานในเมืองใหญ่ตัดสินใจกลับบ้านเคนได้พบเฟิร์นหญิงสาวผู้มุ่งมั่นการงานและรักครอบครัวแต่มีแฟนแล้วเรื่องมันเริ่มตรงที่แมนแฟนที่เฟิร์นรักกลับนอกใจเพื่อทำให้แมนเลิก กับเธอเด็ดขาดเธอจึงขอให้เคนเพื่อนใหม่แกล้งเป็นแฟนใหม่ของเธอเพื่อจะให้แมนตัดใจจากเธอ.. แต่เรื่องกลับไม่เป็นดังที่วางแผนไว้เคนกลับหลงรักเฟิร์นจริงๆและเฟิร์นดูเหมือนจะมีใจให้เคน แต่ด้วยโชคชะตาพลิกผันความรักของสองคนนี้จึงไม่ง่าย
เคนผู้อับโชคในชะตารักและเพิ่งค้นพบว่าแม่ของเขากำลังมีความทรงจำที่ลบเลือนอัล-ไซเมอร์ เคนต้องทำให้ความทรงจำของแม่กลับมาด้วยความทรงจำสุดท้ายที่แม่มี..การเปิดร้านลาบ ร้านที่พ่อและแม่เจอกันเป็นครั้งสุดท้ายส่วนเฟิร์นสาวน้อยผู้มุ่งมั่นแม้จะโชคร้ายในความรักแต่เธอก็โชคดีในเกมส์เธอสอบคัดเลือกไปทำงานที่ญี่ปุ่นผ่านด้วยเหตุที่
เธอต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัวที่ทำให้เธอต้องไปทำงานเพื่ออนาคตที่ญี่ปุ่นโดยที่เคนไม่มีโอกาสได้ไปส่งเธอความรักที่มั่นคงอาจต้องใช้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เคน ผู้บ่าวไทบ้านผู้คืนถิ่น ในขณะที่คนรักกำลังย้ายถิ่นออกไปเรื่องรักจึงต้องลุ้นช่วยผู้บ่าวไทบ้านว่าจะสามารถโน้มน้าวให้เฟิร์นไม่ทิ้งบ้านไปได้หรือไม่
ก่อนอื่นเลยนะครับคนที่เป็นแฟนคลับหนังเรื่องนี้อ่านแล้วอย่าติงผมนะ เพราะผผมเป็นคนกรุงเทพคนหนึ่งที่ดูหนังเรื่องนี้
ดูมาหลายวันล่ะ และมาตั้งกระทู้ตอนที่หนังกำลังจะโดนหุ่นยนต์ถล่ม เพื่อไม่ให้กระทบกระแสหนังเเรงที่พูดกันนะครับ
ความรู้สึกหลังดู
หนังอีสานที่ยังคงเล่นประเด็นเดิม ๆ ดูแล้วไม่เห็นความพัฒนาของการทำหนังไทยของการเล่าเรื่องคนอีสานที่สำคัญ ทำไมชอบจับเรื่อง ฐานะ ความเป็นอยู่ ของชาวอีสานในมุมนี้อยู่ เรื่องของความรักที่ยังคงเอาฝรั่งมาเป็นประเด็นว่าคนอีสานชอบฝรั่งคือ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ไม่เข้าใจว่ากี่ปีผ่านไป ยังคงเล่นแต่ประเด็นนี้ ไม่ว่าจะหนังสั้น หนังยาว
หนังประกวด ผมคงคาดหวังไว้เยอะว่าหนังอีสานที่มีกระเเสฮือฮาดังสนั่นจะมีความพัฒนาในทางด้านความคิด ในส่วนเเวดล้อมภาคอีสานผมพอเข้าใจได้ว่าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ต้องไปแก้ หรือว่าต้องการทำหนังเพื่อให้คนอีสานอย่ามีแฟนฝรั่ง หรือ รักในชีวิตที่เรียบง่าย ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังจับประเด็นไหนเป็นประเด็นหลัก
ส่วนทางไอเดียการเล่าเรื่อง จัดว่าเชยมาก หรือ อาจอยากให้ดูง่าย ๆ เข้าใจง่าย เลยต้องเล่าย้อนไปย้อนมาจนรำคาญ เพราะบางฉากจะดีอยู่แล้วทางภาพเล่าเรื่องได้เเล้วยังอุตสาหย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปอีกซึ่งทำให้ตัวหนังวิ่งวนอยู่กับที่ไม่ขยับไหน
บทภาพยนตร์คงเป็นส่วนที่อ่อนที่สุด ตัวบทไม่มีชั้นเชิงเลยแม้แต่น้อย หรือ คนเขียนอินดี้จัด เพราะทั้งเรื่อง
พูดอินดี้หลายสิบรอบ หน้ารำคาญมากด้วยบทที่มีเนื้อเรื่องเล่นแค่ประเด็นเดียว เเถมเป็นประเด็นที่เชยมากในยุคนี้ นั้นทำให้บทหนังเรื่องนี้ ไม่สามารถเล่าเรื่องได้ราบรื่น เพราะขนาดเผลอหลับไปแว่บหนึ่งตื่นมาเรื่องยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน
เพลงประกอบ ชอบมากที่สุด เพลงเพราะมากยอมรับฟังเเล้วอิน แต่ภาพของหนังมีน้อยมันก็ไม่สุด
นักแสดง ทุกคนรวม ๆ แล้วก็เล่นพอดูได้ อาศัยเล่นใหญ่เข้าว่า หรือ ว่าคนอีสานมีลักษณะการพูดแบบนั้น โวยวายทั้งเรื่องโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนไม่มีฉากไหนขำสักฉาก
ผมไม่เป็นคนเส้นลึกนะครับ ขนาดดูแสบสนิทขำได้นี่เลิกคิดได้เลยว่าผมจะมาต่อว่าหนังไม่มีความขำจริง ๆ สังเกตการขำก็จะเป็นเพราะภาษามากกว่า คนดูที่เป็นคนอีสานเลยสะใจคำพูดที่เคยใช้กันนั่นไม่เป็นไรครับ แต่ภาษาหนังที่จะทำให้ตลกมีวิธีการอื่นเยอะเเยะมากกว่าการใช้คำพูด เช่นที่มีในหนังนะ
สุดท้ายหนังอีสานเรื่องนี้ไม่ได้อินดี้อะไรเลย ผมมองว่าฝีมือการพัฒนาการใช้ความคิดต้องมีมากกว่านี้ ถ้าเทียบกับหนัง สายที่พูดอีสานเรื่องล่าสุดวังพิกุล หนังเรื่องนี้สยบทุกอารมณ์ความเป็นอินดี้ ส่วนผู้บ่าวไทบ้านที่ได้รับเสียงตอบรับล้นขนาดเข้ามาฉายกรุงเทพคงเป็นเพียงหนังที่พูดอีสานธรรมดาเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีอะไรวิเศษเท่ากับราคาคุยของผู้
กำกับที่ดูมีความมั่นใจว่า ให้หนังมันเดินทางของมันเอง ซึ่งถ้ายอมรับคำวิจารณ์ได้ก็ควรพัฒนาการเล่าเรื่องให้มากกว่านี้ ที่สำคัญเลิกเล่นประเด็น ความจน ความต่ำต้อย จะเป็นสิ่งที่ดีมาก อย่าไปเปรียบกับวังพิกุลนะครับ เพราะวังพิกุลมาสายอินดี้จริง ๆ ขนาดเปิดโรงฉายเองและเล่าเรื่องความจนในมุมที่มีการใช้ความคิดวิเคราะห์ให้กับการทำงานจนสมบูรณ์
ปล. หลังจากอ่านเรื่องแซ่บๆมาข้อวิจารณ์นิดหน่อยนะครับ
ทำหนังถ้ามันใจว่าดีพอก็ต้องยอมรับทุกคำวิจารณ์ได้นะครับ พัฒนาต่อไปนะครับ ลดความทะนงตัวลงสักนิด
ผมว่าจะมีคนรักผู้กำกับมากขึ้นนะครับการที่ทำให้ตัวเองโด่งดังด้วยการเป็นคนไม่สนใจใครมันไม่มีประโยชน์เพราะไม่งั้นผมว่าผู้กำกับก็เลือกฉายหนังที่อีสานอย่างเดียวไปตลอดชีวิตน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ขอบคุณมากครับ ผมชอบเพลงประกอบมากนะครับ
ก่อนอื่นเลยนะครับคนที่เป็นแฟนคลับหนังเรื่องนี้อ่านแล้วอย่าติงผมนะ เพราะผผมเป็นคนกรุงเทพคนหนึ่งที่ดูหนังเรื่องนี้
ดูมาหลายวันล่ะ และมาตั้งกระทู้ตอนที่หนังกำลังจะโดนหุ่นยนต์ถล่ม เพื่อไม่ให้กระทบกระแสหนังเเรงที่พูดกันนะครับ
หนังอีสานที่ยังคงเล่นประเด็นเดิม ๆ ดูแล้วไม่เห็นความพัฒนาของการทำหนังไทยของการเล่าเรื่องคนอีสานที่สำคัญ ทำไมชอบจับเรื่อง ฐานะ ความเป็นอยู่ ของชาวอีสานในมุมนี้อยู่ เรื่องของความรักที่ยังคงเอาฝรั่งมาเป็นประเด็นว่าคนอีสานชอบฝรั่งคือ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ไม่เข้าใจว่ากี่ปีผ่านไป ยังคงเล่นแต่ประเด็นนี้ ไม่ว่าจะหนังสั้น หนังยาว
หนังประกวด ผมคงคาดหวังไว้เยอะว่าหนังอีสานที่มีกระเเสฮือฮาดังสนั่นจะมีความพัฒนาในทางด้านความคิด ในส่วนเเวดล้อมภาคอีสานผมพอเข้าใจได้ว่าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ต้องไปแก้ หรือว่าต้องการทำหนังเพื่อให้คนอีสานอย่ามีแฟนฝรั่ง หรือ รักในชีวิตที่เรียบง่าย ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังจับประเด็นไหนเป็นประเด็นหลัก
ส่วนทางไอเดียการเล่าเรื่อง จัดว่าเชยมาก หรือ อาจอยากให้ดูง่าย ๆ เข้าใจง่าย เลยต้องเล่าย้อนไปย้อนมาจนรำคาญ เพราะบางฉากจะดีอยู่แล้วทางภาพเล่าเรื่องได้เเล้วยังอุตสาหย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปอีกซึ่งทำให้ตัวหนังวิ่งวนอยู่กับที่ไม่ขยับไหน
บทภาพยนตร์คงเป็นส่วนที่อ่อนที่สุด ตัวบทไม่มีชั้นเชิงเลยแม้แต่น้อย หรือ คนเขียนอินดี้จัด เพราะทั้งเรื่อง พูดอินดี้หลายสิบรอบ หน้ารำคาญมากด้วยบทที่มีเนื้อเรื่องเล่นแค่ประเด็นเดียว เเถมเป็นประเด็นที่เชยมากในยุคนี้ นั้นทำให้บทหนังเรื่องนี้ ไม่สามารถเล่าเรื่องได้ราบรื่น เพราะขนาดเผลอหลับไปแว่บหนึ่งตื่นมาเรื่องยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน
เพลงประกอบ ชอบมากที่สุด เพลงเพราะมากยอมรับฟังเเล้วอิน แต่ภาพของหนังมีน้อยมันก็ไม่สุด
นักแสดง ทุกคนรวม ๆ แล้วก็เล่นพอดูได้ อาศัยเล่นใหญ่เข้าว่า หรือ ว่าคนอีสานมีลักษณะการพูดแบบนั้น โวยวายทั้งเรื่องโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนไม่มีฉากไหนขำสักฉาก ผมไม่เป็นคนเส้นลึกนะครับ ขนาดดูแสบสนิทขำได้นี่เลิกคิดได้เลยว่าผมจะมาต่อว่าหนังไม่มีความขำจริง ๆ สังเกตการขำก็จะเป็นเพราะภาษามากกว่า
คนดูที่เป็นคนอีสานเลยสะใจคำพูดที่เคยใช้กันนั่นไม่เป็นไรครับ แต่ภาษาหนังที่จะทำให้ตลกมีวิธีการอื่นเยอะเเยะมากกว่าการใช้คำพูด เช่นที่มีในหนังนะ
สุดท้ายหนังอีสานเรื่องนี้ไม่ได้อินดี้อะไรเลย ผมมองว่าฝีมือการพัฒนาการใช้ความคิดต้องมีมากกว่านี้ ถ้าเทียบกับหนัง สายที่พูดอีสานเรื่องล่าสุดวังพิกุล หนังเรื่องนี้สยบทุกอารมณ์ความเป็นอินดี้ ส่วนผู้บ่าวไทบ้านที่ได้รับเสียงตอบรับล้นขนาดเข้ามาฉายกรุงเทพคงเป็นเพียงหนังที่พูดอีสานธรรมดาเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีอะไรวิเศษเท่ากับราคาคุยของผู้
กำกับที่ดูมีความมั่นใจว่า ให้หนังมันเดินทางของมันเอง ซึ่งถ้ายอมรับคำวิจารณ์ได้ก็ควรพัฒนาการเล่าเรื่องให้มากกว่านี้ ที่สำคัญเลิกเล่นประเด็น ความจน ความต่ำต้อย จะเป็นสิ่งที่ดีมาก อย่าไปเปรียบกับวังพิกุลนะครับ เพราะวังพิกุลมาสายอินดี้จริง ๆ ขนาดเปิดโรงฉายเองและเล่าเรื่องความจนในมุมที่มีการใช้ความคิดวิเคราะห์ให้กับการทำงานจนสมบูรณ์
ปล. หลังจากอ่านเรื่องแซ่บๆมาข้อวิจารณ์นิดหน่อยนะครับ
ทำหนังถ้ามันใจว่าดีพอก็ต้องยอมรับทุกคำวิจารณ์ได้นะครับ พัฒนาต่อไปนะครับ ลดความทะนงตัวลงสักนิด ผมว่าจะมีคนรักผู้กำกับมากขึ้นนะครับการที่ทำให้ตัวเองโด่งดังด้วยการเป็นคนไม่สนใจใครมันไม่มีประโยชน์เพราะไม่งั้นผมว่าผู้กำกับก็เลือกฉายหนังที่อีสานอย่างเดียวไปตลอดชีวิตน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ขอบคุณมากครับ ผมชอบเพลงประกอบมากนะครับ