รีวิว มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง
มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง ว่าด้วยเรื่องราวของดื้อ (ชานน สันตินธรกุล) เด็กชายบ้านนอกซึ่งเป็นลูกชายของเคี้ยง (พลพล พลกองเส็ง) พ่อค้าร้านราดหน้าชื่อดังที่อยู่มาอย่างเก่าแก่ ทั้งสองอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันกับน้าสาวอย่าง หลิน (เก้า สุภัสสรา ธนชาต) ด้วยความขี้หวงของดื้อที่เห็นว่าน้าสาวของตัวเองเป็นคนสวย เวลาชายหนุ่มคนไหนแวะเวียนมาขายขนมจีบ หน้าที่ของดื้อของต้องไปกันท่า จนสร้างเรื่องปวดหัวให้หลินอยู่เสมอ หนังไทยเก่าน่าดู
ผลงานจากค่าย รฤก ที่มีโต้โผใหญ่อย่าง ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ดูแล แม้ผลงานฝีมือของยอร์ชโดยตรงจะนานมาแล้ว แต่ผลงานของค่ายเองก็ยังไม่ห่างหายเลิกราจากวงการหนังไทย และยังผลิตหนังอารมณ์ดีออกมาสู่ตลาดสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะ แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า หรือ สุดเขตเสลดเป็ด และล่าสุดที่เพิ่งออกโรงไปไม่นานอย่าง ไบค์แมนศักรินทร์ตูดหมึก ด้วย ดูผลงานก็พอจับทางได้เลยว่า มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง หนังเรื่องล่าสุดจะมาแบบเอาฮาเน้นตัวละคร เน้นพลอต เน้นสถานการณ์มากขนาดไหน และคงเป็นแนวซิตคอมที่แฝงดราม่าเรื่องราวความสัมพันธ์ ผ่านคนแปลก ๆ อีกเช่นเคย ดูหนัง
รีวิว มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง
รีวิว มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง ซึ่งในครั้งนี้ คนแปลก ๆ ของเรื่องก็คือ ดื้อ (นน – ชานน สันตินธรกุล ) เด็กที่หวงน้าสาวอย่าง หลิน (เก้า – สุภัสสรา ธนชาต) เกินปกติมนุษย์ ในขณะที่ฝั่งคนที่มาจีบน้าก็ทะยานความแปลกได้สูสีกับดื้อสุด ๆ เพราะได้ดาราหน้าทะเล้นอย่าง พี่แมน (โจ๊ก โซคูล – กรภพ จันทร์เจริญ) มาติดหนึบเกาะแกะไม่เลิกทีเดียว และก็ไม่ใช่แค่พี่แมนเท่านั้นเพราะยังมีทั้งหมอหนุ่มสุดเพียบพร้อมที่น้าหลินแอบปลื้ม ตลอดจน เกม (บลู – พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ) เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาติดใจน้าสาวของดื้อจนออกนอกหน้าเข้าไปอีก ดูหนังใหม่
งานนี้ยังเป็นผลงานกำกับของ เค – ไชยณรงค์ แต้มพงษ์ ผู้กำกับสายหวานที่เคยมีหนังอย่าง เลิฟ จุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก แต่ผลงานที่ผ่านตาทุกคนมากสุดคงเป็นการกำกับเอ็มวีเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย (Koisuru Fortune Cookie) ของวง BNK48 นั่นเอง มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง สปอย
จากที่ดูหนังตลอดเรื่องสิ่งที่รู้สึกแรง ๆ และยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ หนังคิดมาบนโจทย์ที่เน้นใส่สถานการณ์ตลกให้มากที่สุด โครงเรื่องวางไว้แบบไม่ต้องซับซ้อนมาก การบิ้วการคลี่คลายเรียกว่าคิดไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย แทบไม่สนใจการขับดันจากตัวละครหรือกราฟอารมณ์เลย หนังจึงออกมาแบบไม่สุดไม่อิ่มเท่าไร
การดำเนินเรื่อง
ส่วนที่ชอบของหนัง คือ ความฮานั่นล่ะ ฉากฮาแบบฮาเกิ้นฮาหัวสั่นท้องคัดท้องแข็งมีแน่นอน แป้กมีมั้ยก็มีล่ะ ธรรมดาหนังตลก แต่อันที่ฮามันก็ฮาจริง ๆ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจัยสำคัญในความฮาทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาจากความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงอย่าง โจ๊ก โซคูล และ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ล้วน ๆ ที่ฮาจากสถานการณ์แบบซิตคอมนั้นก็มีส่วน
แต่มันฮามากขึ้นเพราะสองคนนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับจริง ๆ การแสดงของนักแสดงต่าง ๆ ก็ต้องบอกว่าทำได้ไม่น่าเกลียด แม้บทจะไม่ได้ส่งไม่ได้ช่วยเลย แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดในฉากที่ต้องชี้ขาดคะแนนให้ตัวเองได้ดี ไม่ว่าจะ นน เก้า ตลอดจนนักแสดงสมทบทั้งหลาย ฉากที่พีคทางอารมณ์จนเราพลิกผลให้ นน สอบผ่านเอาตัวรอดได้จากเรื่องนี้คือฉาก
ที่สนามบินในช่วงท้ายของหนัง ฉากนี้ฉากเดียวจริง ๆ ที่รู้สึกว่าตัวละครนี้มีชีวิต เพราะตลอดเรื่องมันเล่นอยู่มิติเดียวแบบไร้เหตุผลด้วยสิ ในขณะที่เก้าเองก็พยายามช่วยหนัง ใส่พลังจนล้านซีน จากหวังดีลายเป็นส่งผลเสียไปแทน แต่สิ่งที่ชดเชยให้เธอสอบผ่านสบาย ๆ คือเสน่ห์ที่ฉายแสงมาก ๆ ของเธอ มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง เต็มเรื่อง
พล็อตเรื่อง
ส่วนที่ไม่ชอบเท่าไหร่ของหนัง มีตั้งแต่จังหวะการเล่นมุกตลกต่าง ๆ ที่เหมือนจับนักแสดงใส่ฉากเอาบทใส่ปาก ไม่ได้สนใจการปรับจูนเคมีนักแสดงให้เข้าขาพอดีกัน กลายเป็นต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างล้น จนคุมจังหวะไม่ได้ แล้วก็ต้องอาศัยฉากอินเสิร์ตมาปรับจังหวะช่วยเอา ซึ่งก็กลายเป็นว่าการตัดต่อไม่เป็นธรรมชาติดูขาด ๆ เกิน ๆ ไปหมดแทนด้วย ตรงนี้จึงเป็นจุดที่สงสารนักแสดงเก่ง ๆ หลายคนพอสมควร เพราะบทไม่ส่งไม่ช่วยไม่ว่า การกำกับการแสดงยังไม่ส่งเสริมอีก ดูหนังไทย
ตรงนี้ยังสะท้อนไปเรื่องที่เกริ่นไปก่อนด้วยว่าหนังวางโครงไว้แบบไม่ได้สนใจว่าระหว่างทางหนังกระทำอะไรไปแล้วบ้าง ยังคงควรจบหรือพลิกแบบที่วางแผนไว้เดิมหรือไม่ เพราะมันไม่รอกราฟอารมณ์ใด ๆ เมื่อถึงเวลาตามบทมันก็จะเศร้าจะซึ้ง (โดยที่คนดูอาจยังไม่รู้สึก) ซ้ำไม่พอ เมื่อถึงเวลาสมควรมันก็หักอารมณ์เปลี่ยนความคิดตัวละครแบบไม่ต้องให้ที่มาที่ไปมากพออย่างที่ควรเป็น มันเลยเป็นโครงที่วางแบบคร่าว ๆแล้วหัวใจของหนังจริง ๆ ก็กลับหัวกลับหางไปเป็นเรื่องฉากตลกมุกตลกทั้งหลายเสียแทน มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง สปอยหนัง
รีวิว มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง บทสรุป
รีวิว มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง คือถ้าคุณมาเพื่อเสพความตลกขบขันไม่สนอีร้าค้าอีรมใด ๆ ในเนื้อเรื่อง มันตอบโจทย์คุณมาก แต่ถ้าคุณเป็นพวกหงุดหงิดง่ายกับความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง การเล่าแบบขอไปที เล่าแบบอยากเล่าอะไรก็เล่า แล้วล่ะก็ ให้มันตลกบันเทิงยังไงคุณก็จะตะหงิดใจ คาใจไปตลอดเรื่องจนไม่เอ็นจอยเท่าที่ควร ที่
สำคัญที่สุดที่เป็นจุดอ่อนของหนังในเรื่องนี้ ก็คือเรื่องแรงจูงใจเป้าหมายของพระเอกที่ไม่มีฐานอะไรเลย จนเราไม่เข้าใจพระเอก แม้ในตอนท้ายจะพยายามยัดสถานการณ์ให้เข้าตามพลอตแบบโคตรไม่เนียนมาช่วย กระนั้นเราก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจอินไปกับความคิดของพระเอกได้เลย และที่หนักกว่านั้นคือความคิดอ่านของนางเอกในตอนจบของหนังนั่นล่ะ อะไรของพวกคุณ งงว้อย! มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง บทสรุป
จุดเด่น
โจ๊ก กับ รัศมีแข โคตรฮาเลย
นน กับ เก้า ออร่าส่องสว่างมาก
ฉากตลกเยอะ
จุดด้อย
บทเป็นจุดอ่อนเลย โครงเรื่องไม่ยาก แต่ทำตัวให้ยากจนทำลายตัวเอง
นักแสดงเล่นแบบเด่นเป็นคน ๆ ไป ไม่ค่อยทำงานเป็นทีม
โดยรวมหนัง
เป็นหนังที่ดื้อด้านรีบผลิตทั้งที่ไม่มีความพร้อมในอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของตัวบท ทุกอย่างดูตื้นเขินและกลวงไปหมด ตัวละครก็แบนเหลือเกิน จนไม่รู้จะพูดถึงหนังว่ายังไงดีให้น้องนนกุลไม่เสียใจ
เรื่องง่าย ๆ ก็คือ ไอ้ดื้อ (นนกุล-ชานน) มีศักดิ์เป็นหลานของ น้าหลิน (เก้า-สุภัสรา) และคอยกันท่าหนุ่ม ๆ ที่มาตามจีบน้าสาวคนสวยตั้งแต่วัยเรียนยันวัยทำงาน อย่างพาร์ทปัจจุบันคือ หลินทำงานเป็นพยาบาล ก็มีคนไข้ (บร๊ะเจ้าโจ๊ก) กับเด็กนักศึกษาฝึกงาน (บลู-กรงกรรม) มาตามจีบ ไอ้ดื้อก็มิวายมาตามกันท่า ซึ่งซีนตื๊อกับซีนกันท่าหลาย ๆ ซีนส่วนใหญ่ก็เห็นไปหมดแล้วในเทรลเลอร์หนัง
หนังก็จะสร้างคาแรกเตอร์ให้แต่ละตัวละครดูล้น ๆ รวมถึงพระเอกกับนางเอกก็ล้นจนดูฝืนธรรมชาติ คนที่ตลกและไหลลื่นจะมีพี่โจ๊ก-โซคูล, รัศมีแข, เพื่อนพยาบาลที่ขายครีม, และลุงคนพากย์เสียงตอนไอ้ดื้อน้อยซอยยับแข่งวิ่งที่มหา’ลัย
เข้าใจว่าต้องการทำเป็นหนังตลก แต่ไดอะล็อกและบริบทมันไม่ได้ตลกเลย เป็นมุกตลกชั้นกลางถึงชั้นล่าง ส่วนใหญ่ตลกด้วยนักแสดงเองเสียมากกว่า หรือจะทำเป็นหนังโรแมนติก-คอเมดี้ ก็หาความโรแมนติกไม่ค่อยจะเจอ และไม่อินกับหลานชายแอบรักน้าสาว… น้าที่มันรู้มาตลอดชีวิตว่าคือน้องสาวของแม่… อีกอย่างหนังก็ไม่ได้ชูให้เราเห็นว่า คู่นี้มันจะไปสปาร์คกันตอนไหน
บทก็ตัดแบบรีบจบรีบโต เช่น บทพี่โจ๊กที่เห็นตื๊อหนัก ๆ เนี่ย จู่ ๆ บทจะเลิกตื๊อก็เลิกง่ายเชียว และก็ตอนต้นเรื่อง พระนางน้าหลานเรียนอยู่ม.ปลายอยู่ดี ๆ เล่านิดนึง แล้วก็ตัดฉับไปตอนนางเอกเรียนจบละ โดยใช้นางเอกเป็นผู้เล่าบรรยายเอาแบบรวบรัดตัดฉับ ตอนนั้นนี่ก็กำลังตั้งใจดูและจับใจความอยู่นะ แต่กระพริบตาสติหลุดไปวิฯเดียว ก็ อ้าว…อิหยังวะ มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง สนุกไหม
แล้วนางเอกก็นะ สวยเบอร์นี้ ควรเฟียซ ๆ สวย ๆ แบบสไปร์ท-ฮอร์โมนส์ น่ะดีแล้ว แต่นี่คือเอาหน้าและลุคอย่างน้องเก้า มานั่งเพ้อเรื่องอยากมีแฟนดี ๆ แบบพระเอกในการ์ตูนตาหวาน และบ่นเหงา บ่นไม่อยากอยู่คนเดียว ทั้งที่หล่อนก็มีเพื่อนดี ๆ ที่รพ. และมีน้าเขยดี ๆ อยู่ข้าง ๆ นะ ดูแล้วแบบ… เฮ้ยยยย~ มันไม่ใช่อะแก หนังมีความ อิหยังวะ บ่อยมากจนกระทั่งตอนจบก็ยัง อิหยังวะ
จริง ๆ ก็พยายามเล่นพอยต์อื่นด้วยนะ เช่น ดราม่าครอบครัว ความสัมพันธ์พ่อ-ลูก (พลพล & นนกุล) หรือการเรียนกับการแข่งวิ่งของไอ้ดื้อ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ลงลึก มันไปไม่สุดสักทาง เช่น ตอนที่จู่ ๆ ไอ้ดื้ออยากจะกลับมาเรียนต่อละ ไปฝ่ายทะเบียนหรือยังไม่รู้ แต่มาขอโค้ชลงคัดตัววิ่งเข้าทีมมหา’ลัยก่อนละ แล้วให้มาแข่งกับน้องบลูอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ขยี้ปมการแข่งขันแพ้ชนะของไอ้คู่นี้เลย ก็ไม่รู้จะปูมาทำไมตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง รีวิวหนังไทย