รีวิว วัยอลวนฮ่า

รีวิว วัยอลวนฮ่า

 

สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง  วัยอลวนฮ่า วัยอลวนฮ่า! ชื่อเรื่องที่เป็นคำพ้องเสียงที่น่าจะทราบกันแล้วว่า นี่เป็นหนังภาคที่ 5 ของหนังชุด “วัยอลวน” ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2519, 2520 และ 2521 ตามลำดับ จากหนังภาคต่อที่ไล่เรียงมาตั้งแต่ “วัยอลวน”, “รักอุตลุด” และ “ชื่นชุลมุน” รวมทั้งยังมีอีกภาคที่ทันสมัยขึ้นมาหน่อยใน “วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น” ที่เคยออกฉายในปี 2548 ที่ผ่านมา

เรื่องราวใน วัยอลวนฮ่า! ยังคงโฟกัสอยู่ที่ชีวิตของ ตั้ม กับ โอ๋ ที่ยังครองรักและเป็นคู่ชีวิตมายาวนาน พวกเขาอายุย่างเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับโจทย์ใหม่ๆ

ที่เข้ามาในชีวิตเสมอ โดยเฉพาะปัญหาความรักชุลมุนของ โต๋ หลานชายที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ต้องดำเนินรอยตามเหมือนกับเขาตอนวัยรุ่นเป๊ะๆ กับการผ่านด่านสุดหินพิชิตพ่อแฟนสาว คุณอั้ม รักรุ่นใหม่และครั้งใหม่จะสำเร็จหรือไม่นะ

เว็บดูหนัง

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่า ลุงๆ ป้าๆ และคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่เติบโตมาในช่วงยุคเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้น่าจะอินเป็นพิเศษ เพราะว่าเหล่านักแสดงชุดดั้งเดิมต่างโผล่กลับมาสร้างสีสันในหนังเรื่องนี้เป็นระยะๆ ช่วยคลายความคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เมื่อวันวานได้อยู่ไม่น้อย โดยในครั้งนี้ “เอ๋ ไพโรจน์” ยังมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับหนังด้วยตัวเองด้วย ทำให้บรรยากาศและโทนต่างๆ ของหนังถูกจับใส่เข้าทางได้เป็นอย่างดี

นี่เป็นการรวมตัวของดาราต่างรุ่น ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ผสมผสานกันเอาไว้อย่างน่าสนใจ นอกจาก เอ๋ ไพโรจน์ จะกลับมารับบทเป็น ตั้ม อีกครั้ง “จิ๋ม ลลนา” ที่เกษียณจากงานการแสดงในวงการไปแล้ว ยังเต็มใจที่จะกลับมาเป็น โอ๋ ในหนังเรื่องนี้อีกหน ร่วมด้วย “จิระวดี อิสรางกูร ณ อยุธยา” ที่ยังกลับมาเป็นสาวซ่าส์ ดีเจอ้อ และสมทบด้วย “ชรัส เฟื่องอารมณ์”, “แน็ค ชาลี”, “พิม พิมประภา” และ “จิ๊บ ปกฉัตร”

แน่นอนว่า วัยอลวนฮ่า! ได้เซอร์วิสแฟนๆ รุ่นบุกเบิกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการใส่ท้องทำนองเพลงฮิตอมตะหลายๆ เพลงที่โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้เพราะมีจุดดำเนินจากหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ยับ”, “เธอที่รัก (ชูวับ ชูวับ)” หรือ “สุขาอยู่หนใด” ที่นำมาดัดแปลงคำร้องใหม่แบบแกงเวอร์ชั่นต้นฉบับที่ก็ยังฟังคุ้นหูและเพราะไปอีกแบบ

แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงประสบความล้มเหลวในด้านการนำเสนอในหลายๆ มุม แม้ว่าจะมีความพยายามนำเสนอออกมาในรูปแบบหนังรักที่มีกลิ่นอายของความเป็นหนังครอบครัว แต่ภาพโดยรวมนั้น วัยอลวนฮ่า! ยังคงค่อนข้างสะเปะสะปะในการจับประเด็นต่างๆ มายัดใส่เอาไว้กันจนเละเทอะไปหมด กลายเป็นหนังที่แทบจะไม่มีหลักแกนใดๆ อยู่เลย

รีวิว วัยอลวนฮ่า

รีวิว วัยอลวนฮ่า

คาแรกเตอร์ของตัวละครก็ไม่ค่อยมีมิติออกมาให้เห็น ตั้ม-โอ๋ ก็ยังคงเป็นพวกเขาคนเดิม คู่รักที่รักปานกลืนกิน ชายเป็นเสาหลักครอบครัว กับหญิงที่เป็นแม่บ้านจอมหึงหวง และยังไม่ไว้วางใจ-ระแวงสามีนอกใจอยู่เสมอๆ เป็นบุคลิกของตัวเองแบบคลาสสิกที่ยังปรากฏให้เห็นอยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่คาแรกเตอร์เหล่านี้กลับทำให้หนังดูล้าสมัยและเชยไปสักหน่อย ในเมื่อยุคสมัยและเทคโนโลยีต่างๆ ได้พัฒนาไปไกลจากเดิมแล้ว

ขณะที่คาแรกเตอร์คู่รอง โต๋-อั้ม ที่สร้างขึ้นมาเพียงเป็นคู่พ้องจองของคู่รักต้นฉบับ ก็กลายเป็นเคมีคู่รักแบบจืดๆ แห้งๆ ไร้มิติใดอย่างสิ้นเชิง บทบาทต่างๆ ดูง่ายเหมือนกับละครเช้าวันเสาร์ ดำเนินเรื่องตามไดอะล็อกแบบราบเรียบและเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จ พลอยทำให้การแสดงของ แน็ค ชาลี กับ พิม พิมประภา ก็ดูจืดชืดตามไปด้วย

นอกจากนี้ วัยอลวนฮ่า! ยังแอบมีกลิ่นอายคล้ายๆ กับสไตล์หนังแบบเดียวกับที่ผู้กำกับ “พชร์ อานนท์” ยอมหยิบมาใส่ นั่นคือการนำเอาสถานการณ์ข่าวที่เคยเกิดขึ้นในสังคมมาดัดใส่เอาไว้เป็นประเด็นเนียนๆ แม้ว่าบางจุดก็ออกจะดูสะเปะสะปะและมั่วซั่วไปสักหน่อย อยู่ๆ ตัวละครจะร้องเพลงมิวสิคัลกลางศาล หรือ เกิดกรณีศึกแย่งชิงลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 กัน ทุกอย่างถูกจับใส่เข้ามาแบบเจื่อนๆ ดูหนัง

แต่ท่ามกลางประเด็นยิบย่อยที่หนังใส่เข้ามานั้น ก็มีส่วนดีอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะจุดเด่นกลายเป็นว่า หนังสามารถให้ตัวละครอย่าง ตั้ม ที่เป็นทนายความผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ถ่ายทอดและให้ความรู้เกี่ยวกับประมวลกฎหมายได้อย่างมีข้อเท็จจริงและสอดแทรกความรู้ให้กับคนดูได้เป็นประโยชน์อย่างแนบเนียนดี

ก็แอบน่าเสียดาย ที่หนังภาคนี้ไม่ได้กล่าวถึงและเชื่อมโยงไปถึงภาคที่แล้วเลยสักนิด ตัวละครอื่นๆ ที่ยังอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็น ใบตอง กับ หนามเตย ลูกสาวกับลูกชายของพวกเขา กลับไม่มีการพูดถึงในภาคนี้อย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ภาคก่อนเคยพยายามก่อประเด็นเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจและยังสามารถนำมาประยุกต์เล่าต่อในปัจจุบันได้อยู่

เอาเป็นว่าโดยสรุปแล้ว วัยอลวนฮ่า! ก็น่าจะเป็นหนังที่พอทำให้คนยุคก่อนๆ ที่ทันเวอร์ชั่นต้นฉบับได้คิดถึงวันวานได้อยู่ เพียงแต่ในแง่การนำเสนอของหนังยังคงค่อนข้างบกพร่องอยู่หลายจุด โดยเฉพาะความไม่สมเหตุสมผลและประเด็นที่ยังอ่อนด้อยไปในหลายๆ กิมมิก กลายเป็นว่าตลอด 2 ชั่วโมงของหนังยังไม่ค่อยมีอะไรที่น่าจดจำ แต่อย่างน้อยๆ ตำนานของ ตั้ม-โอ๋ ก็ยังคงโดดเด่นที่สุดของหนังชุดนี้อยู่ต่อไป

ดูหนัง

ความรู้สึกหลังดู

เปิดฉากความเคลื่อนไหวอย่างสวยงามชนิดที่คอหนังไม่ทันตั้งตัว ในที่สุดภาพยนตร์เรื่อง “วัยอลวนฮ่า!” ก็เพิ่งออกอาละวาดสู่โรงหนังทั่วประเทศต้อนรับเทศกาลสงกรานต์…(จนท้ายที่สุดก็ต้องเจอกับท่านมหา “โควิด”)

ก่อนวันที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉาย หลายคนต่างเฝ้าจับตามองอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะใครที่เคยดูหนังเรื่อง “วัยอลวน” ทั้ง 4 ภาคคงได้รับรู้ถึงการกลับมาสานต่อ(แบบเงียบ ๆ)ในครั้งใหม่ครั้งนี้

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็น “หนังรวมรุ่น” ก็ว่าได้ เพราะขนทีมนักแสดงพร้อมทีมงานทั้งรุ่นแรกและรุ่นปัจจุบันมาร่วมงานกันคับจอ เห็นชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาแล้วเป็นต้องร้องอ๋อ..แน่นอน

เว็บหนัง

รีวิว วัยอลวนฮ่า

แต่ข่าวล่ามาร้อนก็คือ…เมื่อหนัง “วัยอลวนฮ่า!” เข้าโรงฉายไปได้เพียง 3 วันแรกก็ไม่สามารถพลิกปาฏิหาริย์ได้พอใจ จึงทำรายรับไปประมาณหลักแสนต้น ๆ ขนาดโรงหนังชั้นนำอย่าง “เมเจอร์ฯ” วันนี้ก็ไม่มีรอบฉายแม้แต่นิด หนังจึงจำต้องถอดออกจากโรงอย่างกะทันหัน…

ทำเอาตัวแทนผู้สืบสานงานคลาสสิกอย่าง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” ซึ่งควบหน้าที่ทั้งแสดงนำและกำกับฯ เป็นอันพลาดท่า!…อาจเป็นเพราะคนที่อยากจะดูก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปดู

เราในฐานะคนดูหนังก็ขอส่งกำลังใจให้ “อาเอ๋” และทีมงานทุกฝ่ายได้คิดตรึกตรองเพื่อนำไปปรับปรุงหรือพัฒนางานในโอกาสต่อไปและผลงานที่จะตามมาในอนาคต

เชื่อแน่ว่าหนัง “วัยอลวนฮ่า!” อาจมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลับมายืนโรงภายหลังวิกฤติอันยืดเยื้อนั้นสงบลง ถ้าได้รับความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้น…

รีวิว วัยอลวนฮ่า

…และก็อาจจะโกยรายได้อย่างถล่มทลายแน่ ๆ…แต่คงจะยากสักหน่อยสำหรับสายตาของผู้มองการณ์ไกล เพราะบริษัทผู้สร้างหนังเรื่องนี้เป็นโนเนม จึงไม่ค่อยได้โปรโมทชนิดจัดหนักจัดเต็มอย่างที่คู่แข่งระดับซูเปอร์บิ๊กนั้นทำกัน (แม้ว่าจะมีสปอนเซอร์ระดับท็อปมาหนุนหนังเรื่องนี้อยู่มากก็ตาม)

ก็ลองดูสิว่า…ถ้าเกิดว่าหนัง “วัยอลวนฮ่า!” ไปตกอยู่ในมือของ “จีดีเอช” กับ “ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น” ที่เคยฝากการผนึกกำลังในเรื่อง “วัยอลวน 4” ซึ่งมี “อ้วน รังสิต” กับ “รถเมล์ คะนึงนิจ” แจ้งเกิดจากภาคนั้น และอาจมีการเปลี่ยนตัวผู้แสดงหรือบางส่วนให้เกิดความรู้สึกในอีกมิติ ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

ความทรงจำคู่ขวัญ “ตั้ม-โอ๋” จะถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง กับเรื่องความรักชุลมุนของ “ตั้ม-โอ๋” ที่แม้เวลาจะผ่านไป 45 ปี แต่ชีวิตคู่ก็ยังมีเรื่องวุ่น ๆ มาให้แก้ตลอด

ด้าน “ป้าอ้อ” หรือ “ดีเจออดี้” หลังเปิดตัวว่าเป็นสาวห้าว ก็ไปตกหลุมรัก “ต้องใจ” แม่ม่ายลูกติดว่าที่เศรษฐินีคนใหม่ของไทย แต่ดันเจอกรรมบัง เดือดร้อนทนายตั้มต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ขณะที่ “อั้ม” ครูสอนเต้นดีกรีนักเรียนนอก โกรธพ่อ “ภาคิน” นักธุรกิจรุ่นใหญ่ เพราะคิดว่าพ่อมีเมียน้อย ทะเลาะกับแม่ จึงทำให้แม่ขับรถออกไปเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และภายหลังยังเป็นกิ๊กกับ “นับดาว” เลขาสาว จึงประชดพ่อด้วยการคบกับ “โต๋” หลานชายดีกรีนักเรียนนอกของ “ตั้ม-โอ๋” งานนี้โต๋จะฝ่าด่านภาคินสำเร็จหรือไม่ และความอลวนของความรักแต่ละคู่จะเป็นเช่นไร ต้องหาคำตอบพร้อมกันได้ กับ “วัยอลวนฮ่า”

รีวิวหนังไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *