รีวิว หอแต๋วแตก แหกโควิดปังปุริเย่
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง รีวิว หอแต๋วแตก แหกโควิดปังปุริเย่ เดินทางมาถึงภาคที่ 8 แล้วสำหรับแฟรนไชส์หนัง ‘หอแต๋วแตก’ ของพชร์ อานนท์ ผู้กำกับที่หยิบจับทุกกระแสโซเชียลมาทำหนังได้แบบทันทีทันใดและด้วยอายุของหนังชุดนี้ที่เดินทางมาร่วม 14 ปีก็น่าจะพอยืนยันสถานะการเป็นป๊อปคัลเจอร์ในตัวมันเองซึ่งเต็มไปด้วยเอกลักษณ์
ทั้งการล้อเลียนหนังและเพลงดัง ๆ ไปจนถึงข่าวการเมือง และแน่นอนว่าปี 2021 ก็มีวัตถุดิบเด็ด ๆ มากพอที่พชร์ อานนท์จะเอามาหยิบใส่ในหนังภาคที่ 8 ที่เน้นธีมของโรคระบาดอย่างโควิด – 19 เป็นแกนหลักสำคัญของเรื่อง
สำหรับหนังในภาคนี้ เจ๊แต๋ว (รับบทโดย จตุรงค์ พลบูรณ์) กับอาโคย (รับบทโดย วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย) ต้องมาดูแลโรงแรมชื่อสตรีท โฮเทล (Street Hotel) แต่หลังจากเจ๊แต๋วดันไปปาร์ตี้ของเพื่อนที่กลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงแรมต้องถูกกักบริเวณแถมยังมีเหตุการณ์ประหลาดทั้งสัตว์เลี้ยงของแขกที่ถูกควักไส้ไปกิน
ซึ่งนอกจากการกลับมาของอารยา (ติ๊ก กลิ่นสี) กับสาวรับใช้คนสนิท (ศิตางค์ บัวทอง) คู่แค้นของเจ๊แต๋วแล้ว เธอยังต้องรับรองพระมหาเทวีเจ้า (แม่หญิงลี) ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยไม่แพ้กัน งานนี้เจ๊แต๋วเลยต้องพึ่งทั้งหน้าเก่าอย่างผีแพนเค้ก (โก๊ะตี๋ อารามบอย) และหน้าใหม่อย่างคู่ดูโอแก้ม (โดม จารุวัฒน์) กับวิชญาณี (ตั้ม วราวุธ)
มาสืบหาความจริงก่อนที่โรงแรมของเธอจะมีผีดิบเพ่นพ่าน
สำหรับเรื่องบทยอมรับว่าทำใจไว้ก่อนดูแล้วครับว่ามันต้องเป็นแกงโฮะเหตุบ้านการเมืองและกระแสต่าง ๆ เข้ามาแบบไม่สนความต่อเนื่องอะไรนัก ซึ่งมองเผิน ๆ เราก็ต้องยอมรับว่าพชร์ อานนท์เขาช่างสังเกตและหยิบจับประเด็นดังในโลกโซเชียลมาเล่นในหนังได้แบบครบถ้วนกระบวนความเพราะนอกจากฉาก (ที่กำลังจะกลายเป็นอดีต)
พส. ไพรวัลย์ สุวรรณโน มาเล่นมุกในหนังที่ถูกตัดออกแล้ว ทุกอย่างอยู่ครบที่มาเป็นภาพก็มีทั้งปาร์ตี้ดีเจมะตูมที่กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ กรณีไลฟ์สดก่อนหนีออกจากโรงพยาบาลของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศรี กระแสความดังของซีรีส์ ‘Squid Game’และหนัง ‘ร่างทรง’
หรือกรณีของรัฐบาลจะเชิญลิซา แบล็กพิงค์มาร่วมงานปีใหม่ที่ภูเก็ตไปจนถึงกรณีของผู้กำกับโจ้ครอบถุงดำที่ดูหนักมือไปหน่อยในความคิดผม
หรือที่มาเป็นคำพูดก็มีทั้งข่าวของลุงพลบ้านกกกอก มุกที่จริงแล้วฉันเป็นผู้บริหารของละครสั้นคุณธรรมที่ตอนแรกพชร์ อานนท์พยายามทาบทามพลอย ชิดจันทร์มาเล่นฉากหลังเอนด์เครดิตแล้วแต่ไม่สำเร็จ หรือกรณีวัคซีนขาดแคลนของรัฐบาลไปจนถึงความดังของซีรีส์วายที่ขอหยิบยืมตัวละครไบร์ตวินมาเซอร์วิสแฟน ๆ แม้ไม่ใช่ตัวจริงมาเล่นแต่นิกกี้
ณฉัตรกับโดม เพชรธำรงชัยก็หมั่นเซอร์วิสซะจนเกินหน้าจนวายแทบกลายเป็นเอ็กซ์อยู่แล้ว และที่ขาดไม่ได้ก็บรรดาเน็ตไอดอลที่ขนกันมาหมดแอปพลิเคชันแบบจิ้มเลือกนึกหน้าใครนี่มาหมดเลยซึ่งเราคงไม่ต้องสาธยายกันล่ะนะครับว่ามีใครบ้าง
และแน่นอนว่าในแมื่อตั้งใจจะล้อเหตุบ้านการเมืองก็แน่นอนล่ะว่า “พลอตหนังก็แค่ทฤษฎี” เพราะในทางปฏิบัติแล้วอ้างอิงจากคำสัมภาษณ์ของคุณพชร์เองที่ยอมรับว่าตัวเองทำงานแบบไม่มีบท เราก็เลยเห็นเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ถูกเรียงร้อยต่อกันเพื่อรองรับมุกตลกและที่เห็นมาตลอดคือท่าทีทีเล่นทีจริงที่อนุญาตให้คนดูได้เห็นอาการหลุดของ
นักแสดงหรือการด่ากันแบบหลุดคาแรกเตอร์บ้างซึ่งตรงนี้ยอมรับว่าเป็นเสน่ห์และเป็นลายเซ็นของหนังชุดหอแต๋วแตกที่ยากจะมีใครเลียนแบบนะครับและคุณพชร์ก็รักษาเอกลักษณ์ตรงนี้ไว้ได้ดี
รีวิว หอแต๋วแตก แหกโควิดปังปุริเย่
แต่กระนั้นหากมองแบบคนดูทั่วไปเลยที่ต้องการความบันเทิงจาก ‘หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่’ ก็แน่นอนว่าคือความสนุกและความเบาสมองซึ่งยอมรับเลยว่าช่วงครึ่งแรกหนังทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ต่อเนื่องอีกทั้งตัวละครใหม่อย่างพระมหาเทวีเจ้ากับนางทิพย์ก็ดูเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์พอจะโฮลด์คนดูให้อยู่กับเรื่องได้
แต่เพียงไม่นานหลังฉากปาร์ตีที่หนังจะเข้าสู่การเล่าเรื่องอย่างจริงจัง อยู่ดี ๆ ทิศทางหนังก็เป๋ไปมาระหว่างจะเล่าพล็อตผีในหอซ้ำ ๆ ซาก ๆ เหมือนที่ผ่านมากับการพยายามยัดบทบาทให้บรรดาเน็ตไอดอลและมุกล้อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซะจนหนังไร้ทิศทางและความสนุกก็ดร็อปลงไปเยอะเหลือเกินหากเทียบแค่ ‘พจมานสว่างคาตา’ ของพชร์ อานนท์เองที่ฉายปีก่อนและเล่นกับกระแสของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่า
นอกจากบรรดานักแสดงเก่า ๆ จะตบเท้ากลับมารับบทเดิมของตนแล้วนักแสดงใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็มีความน่าสนใจและน่าเสียดายอยู่ในทีเช่นคู่หูเดอะสตาร์ โดม จารุวัฒน์ กับ ตั้ม วราวุธ ที่มาแต่งหญิงและเล่นเป็นกะเทยได้คือมาก ๆ (หมายถึงเหมือนมาก ๆ นะครับ) ทั้งคู่แทบจะเป็นไฮไลต์ในการเรียกเสียงฮาหลักของหนังจนแทบจะเป็นบทนำแทน
เจ๊แต๋วอยู่มะรอมมะร่ออยู่แล้วแต่เนื่องจากหนังต้องแบ่งเวลาให้นักแสดงคนอื่น ๆ ที่ฝีมือก็ไม่มากเท่าจนน่าเสียดายในผลงานการแสดงที่ทั้งคู่ทุ่มเทขนาดนี้
หรือจะเป็นนิกกี้ ณฉัตรกับโดม เพชรธำรงชัย ที่ความจริงแล้วพชร์ อานนท์สามารถทำให้คู่ตัวละครไบร์ทวินในฉบับของเขาที่ใส่ยูนิฟอร์มไลน์แมนเป็นได้มากกว่าแค่คู่เกย์หื่นที่แต่ละมุกบอกตามตรงว่าดูด้วยความไม่สบายใจเลย เพราะหลายครั้งที่หนังผลักพวกเขาให้กลายเป็นวัตถุทางเพศและไม่ยกระดับภาพลักษณ์ของกลุ่ม LGBTQ+ นักจนน่าเสียดาย อีกอย่างการใส่ยูนิฟอร์มสปอนเซอร์ของหนังยังอาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูไม่ค่อยดีเท่าที่ควรอีกด้วย
แต่ในหลายส่วนที่ไม่ชอบก็ยังมีจุดที่น่าชื่นชมเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับโดยเฉพาะการล้อวงการบันเทิงนี่แหละ แต่ขอข้ามซีน’Squid Game’ นะครับอันนั้นเล่นง่ายไปหน่อย
แต่กับซีน ‘ร่างทรง’ นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่เห็นเลยว่าการล้อเลียนก็สามารถเล่าเรื่องให้หนังคืบหน้าได้จนอดสงสัยไม่ได้ซีนนี้น่าจะอยู่ในแผนตั้งแต่ตอนถ่ายทำแล้วหรือเปล่า ? แต่ผลลัพธ์ของมันก็ออกมาดีกว่าคิดไว้เยอะเลย
หรือจะเป็นการนำไอดอลที่มีปมด้อยด้านการพูด
อย่างหนูรัตน์กับอีกท่านที่มีลักษณะไม่ต่างกันมาแสดงหนัง และทำให้ซีนนั้นมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการเอารูปแบบของหนังเงียบมาปรับใช้ทั้งการขึ้นแคปชันและทำซับไตเติลซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะและเป็นการเซอร์วิสแฟน ๆ ไปในตัว และที่น่าชื่นชมคือสามารถดันทุรังให้กลายเป็นการเล่าเรื่องในหนังได้อีกด้วยอันนี้ถือว่าชื่นชมเลยนะครับ
ความรู้สึกหลังดู
สรุปแล้ว ‘หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่’ ก็คงเหมาะกับผู้ที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มาตลอดและกลุ่มคนดูที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยเพราะหนังมีฉากล่อแหลมเยอะมาก ส่วนการตัดฉากพระมหาไพรวัลย์ออกก็ดูจะเหมาะแล้วกับการฉายโรงในช่วงนี้ ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงช่วงปลายปีนะครับ หมายถึงช่วงที่รัฐบาลนี้ปกครองนั่นแหละ
เพราะต่อให้หนังเรื่องอื่นจะมีพระตบหัว พระเล่นหวย หรือพระนั่งขี้ยังไง การให้พระที่ดูจะเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมาปรากฎตัวก็ดูไม่เหมาะกับหนังนักเพราะเอาจริง ๆ การที่หนังเลือกให้มีซีนฉีดวัคซีนตอนท้ายก็เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าซีนด่าบิ๊กตู่น่ะมันก็แค่ “อำกันขำ ๆ เล่น ๆ” เหมือนการบริหารงานของรัฐบาลนั่นแหละครับ
หากใครกำลังลังเลใจและตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปดูหนังเรื่อง “หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่” ที่กำกับโดย “พชร์ อานนท์” ดีหรือไม่ ทีมข่าวคมชัดลึก บันเทิงออนไลน์ มีโอกาสได้ไปรับชมรอบสื่อมาเมื่อวานนี้เลยจะมารีวิวให้ฟังแบบตามสภาพไม่อวยไม่จกตา
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่” เริ่มเดินเรื่องโดย “พระมหาเทวีเจ้า” หรือ “แม่หญิงลี” ซึ่งต้องบอกตามตรงเลยว่า ด้วยความที่ “แม่หญิงลี” เกิดมาจากการเป็นเน็ตไอดอลไม่ได้เกิดมาจากการเป็นนักแสดงก็เลยยังเล่นค่อนข้างแข็ง แต่ก็โชคดีที่ได้ “อีทิพย์” บ่าวรับใช้ข้างกายที่เล่นไหลลื่นพอกลบความเป็นก้อนหินของ “แม่หญิงลี” ไปได้ ซึ่งเมื่อเปิดมาปุ๊บก็เอาไปก่อน 1 ฮาปั๊บ เพียงแต่ก็เป็นมุกที่คาดเดาได้
หลังจากนั้นหนังก็เดินเรื่องไปอย่างราบเรียบ แต่เมื่อ “แม่สิตางศุ์” ปรากฏตัวมาพร้อม “เจ๊พยูน” ก็บอกเลยว่าสร้างสีสันได้เป็นอย่างดี ยอมรับเลยว่าการแสดงกินขาด เล่นได้ดีจนน่าตกใจ และที่มาสร้างเสียงหัวเราะเพิ่มได้อีกก็คงหนีไม่พ้น “ตั้ม เดอะสตาร์” และ “โดม เดอะสตาร์” 2 คนนี้ก็เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติจนนึกว่าเป็นกะเทยตัวจริงเสียงจริง
ในส่วนของของการเดินเรื่องในหนังภาคต่อนี้ ก็ถือว่าแปลกใหม่และน่าลุ้นน่าติดตาม มีปมให้ได้คลี่คลายแบบที่คาดเดาได้ยาก ส่วนการสอดแทรกประเด็นสังคมที่โด่งดัง ก็ถือว่ารวบตึงมาได้ครบถ้วน จนแอบกลัวว่าหนังจะฉายได้แค่รอบสื่อเท่านั้น เพราะบางซีนจิกกัดได้จนสะดุ้งไปตามๆกัน ส่วนฉากที่ขาดหายไปของ “พระมหาไพรวัลย์” ก็มีการนำประเด็นสังคมที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆร้อนๆมาแทรกแทน
ซึ่งต้องขอชื่นชมที่สามารถนำมาใส่ในหนังได้อย่างรวดเร็ว เพราะกระแสนี้เพิ่งเกิดไม่ถึงสัปดาห์ก่อนหนังฉาย เอาเป็นว่าถ้าหวังไปเอาเสียงหัวเราะก็ได้กลับไปแบบเป็นกอบเป็นกำ และถ้าหวังไปเอาความตื่นเต้นตกใจแบบหนังผีก็แทบจะคอแห้งกลับบ้าน เพราะกรี๊ดหลายตลบด้วยความตกใจ ส่วนหากอยากไปเสพกระแสสังคมว่ามีอะไรบ้าง
ก็บอกได้เลยว่าหนังเขาอัดให้แน่นแบบจุใจเกินคาด แล้วก็ไม่ได้สักแต่ยัดใส่เข้าไปแบบดูแล้วกระโดดไปกระโดดมา แต่ทุกประเด็นมีสตอรี่หมด แต่ต้องยอมรับว่าหลายคนคิดถึง “อ.ยิ่งศักดิ์” และ “เอกชัย ศรีวิชัย” มากๆ เพราะทั้ง 2 คน ก็เป็นตัวละครที่สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี เดินทางมาถึงภาคที่ 8 ของจักรวาล “หอแต๋วแตก”
กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง หอแต๋วแตก แหกโควิด ปังปุริเย่ ของ พชร์ อานนท์ ที่หยิบรวมเอาทุกกระแสฮิตในประเทศไทยมาใส่รวมกันไว้ในเรื่องเดียว โดยในภาคนี้เราจะได้เห็นคนดังอย่าง พระมหาเทวีเจ้า (แม่หญิงลี) มาร่วมเล่นด้วย รวมไปถึงดูโอ้หน้าใหม่อย่าง แก้ม (โดม จารุวัฒน์) และ วิชญาณี (ตั้ม วราวุฒิ) ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่อง
ด้วยความที่การถ่ายทำของหนังเรื่องนี้ ดำเนินแบบไม่มีบท จึงทำให้การดำเนินเรื่องเป็นไปแบบเรื่อยๆ แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นหอแต๋วแตก ด้วยการแทรกมุขตลกออกมาแทบจะทุกๆ 10 วินาที และต้องขอชื่นชม พชร์ อานนท์ ที่สามารถรวมเรื่องราวต่างๆให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปาร์ตี้ดีเจมะตูมที่กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์,
ไลฟ์สดของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศรี, ซีรีส์เรื่อง Squid Game, ลิซา แบล็กพิงค์ หรือ หนังเรื่องร่างทรง ทุกอย่างที่เอามาใส่รวมไว้ในหนัง แทบจะไม่มีอันไหนที่รู้สึกว่ายัดเยียดมากเกินไป มันค่อนข้างลงตัวและดำเนิดไปกับตัวเรื่องได้ดีเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงเรื่องการแสดงในภาคนี้ ต้องยกให้คู่ดูโอ้ แก้ม – วิชญาณี ที่แสดงโดย โดม จารุวัฒน์ และ ตั้ม วราวุฒิ เลยทีเดียว เพราะคู่นี้แทบจะสร้างสีสันและเป็นเหมือนไฮไลท์ให้กับทั้งเรื่อง และอีกตัวละครที่รู้สึกประทับใจและเรียกเสียงฮาได้ดีอีกคนคงจะยกให้กับ หนูรัตน์ เลยจริงๆ