รีวิว ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ
ยังคงมีผลงานออกมาให้ชมเรื่อย ๆ สำหรับหนังในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ แต่หากไม่นับ ‘รักหนูมั้ย’ ที่เหมือนเป็นแค่การใช้นักแสดงชุดเดียวกันมาเล่าเรื่องใหม่ ‘หมอปลาวาฬ’ จะนับเป็นงานหนังสปินออฟลำดับที่ 2 ต่อจาก ‘ไทบ้านXBNK 48’ โดยแน่นอนว่าการที่หนังใช้ชื่อตัวละครอย่างหมอปลาวาฬมาเป็นจุดขายย่อมหมายถึงการที่เราจะได้เห็นเรื่องราวมุมมองความสัมพันธ์จากฝั่งผู้หญิงอย่างหมอปลาวาฬว่าทำไมในหนัง ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ เธอถึงยังตัดใจจากจ่าลอดไม่ได้เสียที รีวิวหนัง ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ
หนังเริ่มมาด้วยภาพอดีตตอนที่หมอปลาวาฬไม่อาจช่วยชีวิตคนตกน้ำได้และเป็นจ่าลอดนี่เองที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และโดยที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาภาพก็ตัดมายุคปัจจุบันที่จะเล่าเรื่องหมอปลาวาฬที่ยังไม่อาจตัดใจจากจ่าลอดให้ขาดได้แม้จะมีหมอเต้ยสุดหล่อตามจีบอยู่ก็ตาม แต่แล้วก็เป็นจ่าลอดเองที่อาศัยช่วงเวลาที่ครูแก้วแฟนสาวตัวจริงพา
นักเรียนไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัดหาช่องทางกลับไปตีสนิทหมอปลาวาฬจนเกิดเป็นความผูกพันครั้งใหม่ที่ต้องเลือกระหว่างความต้องการกับความถูกต้อง
เอาจริง ๆ พลอตเรื่องของ ‘หมอปลาวาฬ’ นี่แทบไม่มีอะไรเหลือให้เล่าอีกแล้ว แต่หากจะให้เปรียบเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีีโรก็คงทับรอยเดียวกับ ‘Black Widow’ ของมาร์เวลนั่น
แหละครับคือเอาตัวละครที่คนดูรักแม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันในหนังภาคต่อของ ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ เท่าไหร่ และยังแนะนำตัวละครใหม่ (หรือเปล่า?) อย่างหมอเต้ยที่ได้อดีตครูเต้ย – อภิวัฒน์ บุญอเนกมาโชว์หน้าหล่อ ๆ อยู่ 1 ซีนถ้วนซึ่งเราก็คงเดาตอนจบได้ไม่ยากว่าหนังจะต้องเล่นงานกับชะตากรรมของหมอปลาวาฬอย่างหนักหน่วงก่อนเธอจะก้าวข้ามมะเร็งหัวใจอย่างจ่าลอดไปได้
กระนั้นในความไม่มีอะไรของพล็อตเรื่องมันก็ยังแอบมีจุดน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้เราเห็นว่า สุรศักดิ์ ป้องศร มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ตัวเองกำลังจะเล่าโดยเฉพาะการดึงให้อนามัยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งบทหนังก็ใช้ประโยชน์จากการที่แพทย์อาสาสมัครต้องติดตามคนไข้ผู้เฒ่าผู้แก่ให้มาคอยรับยารักษาโรคเป็นประจำสร้างภาพลักษณ์ของแพทย์ประจำท้องถิ่นที่ต้องต่อสู่กับความเชื่อของชาวบ้านเรื่องสุขภาพ
มาเปรียบเทียบกับเรื่องหัวใจของหมอปลาวาฬที่แม้จะมีความรู้รักษาคนไข้ได้มากแค่ไหน แต่เรื่องหัวใจก็ยังเห็นเธอปรึกษาเพื่อนร่วมสถานีอนามัยหรือกระทั่งเลือก “ยาผิด” ให้ตัวเองจนกว่าจะบรรเทาอาการ เธอก็กลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องแลกหัวใจของเธอกับความโลเลและหลายใจของจ่าลอด
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของ ฟิฟิน สิริอมร อ่อนคูณ คือหัวใจของเรื่องราวจริง ๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหมอปลาวาฬที่จับเธอใส่แว่นแต่งหน้าอ่อน ๆ แต่แอบแซ่บด้วยรอยสักจะทำให้หนุ่ม ๆ แทบคลั่งทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวแต่เป็นฝีมือการแสดงของเธอต่างหากที่ทำให้เรื่องราวที่หวุดหวิดจะน้ำเน่ากลับมีมิติและมีหัวจิตหัวใจมากพอให้
คนดูติดตาม ร่วมลุ้นและอดเห็นใจกับชะตากรรมของเธอไม่ได้
กระนั้นความดีของนักแสดงหรือตัวบทที่ยังทำงานกับคนดูก็กลับมามัวหมองด้วยข้อผิดพลาดด้านโปรดักชันที่พบเจอได้รายทางตั้งแต่ซีนบทสนทนาที่คนดูได้ยินเสียงไมค์
ไวร์เลสขูดกับเสื้อได้ชัดเจน เสียงพูดที่หลายครั้งก็ให้ความรู้สึกเหมือนบันทึกมาด้วยเกนเสียงที่พีคจนฟังแทบไม่รู้เรื่องจนถึงเสียงบางช่วงที่ติดไวร์เลสไม่ได้ก็เหมือนได้ยินจากไมค์กล้องจนคุณภาพเสียงกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพของงานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้านงานภาพแม้ว่าสไตล์นำเสนอที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังชุดนี้ทั้งการแทร็กกิ้งตามตัวละครเดินข้ามถนนไปมาหรือการถ่ายรับหน้าเพื่อสื่ออารมณ์โดยไม่ต้องมีคำพูดจะยังคงมีให้เห็นทั่วไปและทำงานได้ดีอยู่ แต่พอมีบางช็อตที่เห็นเลยว่าแก้ปัญหาแสงเปลี่ยนด้วยการใส่ฟิลเตอร์แสงส้มปลอม ๆ เข้ามาก็กลายเป็นรอยด่างพร้อยอันน่าเสียดาย
และคงไม่เป็นการสปอยล์ถ้าจะบอกว่าตอนท้ายเรื่องแอบมีหยอดฉากที่บักเซียงอีกหนึ่งตัวละครที่คนดูรักและเห็นใจกำลังจะกลับมาอีกครั้งกับ
รีวิว ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ
‘จักรวาลไทบ้าน สัปเหร่อ’ ที่คราวนี้จักรวาลไทบ้านจะมาในรูปแบบหนังโรแมนติกสยองขวัญเมื่อบักเซียง (ชาติชาย ชินศรี) ยังคงตัดใจจากคนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับไม่ได้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่หลายคนได้ดูต้องตั้งตารออย่างแน่นอน
ภาพของหนังเหมือนเป็นความรักความหลังฝั่งใจของตัวละคร หนังหยิบเหตุการณ์ในอดีตของหมอปลาวาฬที่เป็นตราบาปในชีวิตมาเล่าก่อน เพื่อปูเรื่องราว จากนั้นก็นำพาเรามาพบกับสถานการณ์ ตัวละครหลัก 2 คนอย่าง หมอปลาวาฬคนสวยและจ่าลอด แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีคนรักเป็นครูแก้วอยู่แล้ว
และคงไม่เป็นการสปอยล์ถ้าจะบอกว่าตอนท้ายเรื่องแอบมีหยอดฉากที่บักเซียงอีกหนึ่งตัวละครที่คนดูรักและเห็นใจกำลังจะกลับมาอีกครั้งกับ
‘จักรวาลไทบ้าน สัปเหร่อ’ ที่คราวนี้จักรวาลไทบ้านจะมาในรูปแบบหนังโรแมนติกสยองขวัญเมื่อบักเซียง (ชาติชาย ชินศรี) ยังคงตัดใจจากคนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับไม่ได้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่หลายคนได้ดูต้องตั้งตารออย่างแน่นอน
ภาพของหนังเหมือนเป็นความรักความหลังฝั่งใจของตัวละคร หนังหยิบเหตุการณ์ในอดีตของหมอปลาวาฬที่เป็นตราบาปในชีวิตมาเล่าก่อน เพื่อปูเรื่องราว จากนั้นก็นำพาเรามาพบกับสถานการณ์ ตัวละครหลัก 2 คนอย่าง หมอปลาวาฬคนสวยและจ่าลอด แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีคนรักเป็นครูแก้วอยู่แล้ว
แต่เรื่องราวของทั้งคู่ก็ยังวนเวียนไปมาไม่จบสิ้น จนแยกไม่ออกละ ว่าสิ่งที่เขาเผชิญหน้าพบเจอกันมันเป็นความรัก หรือว่าผูกพันจนยากที่จะตัดขาดออกจากกัน จ่าลอดแม้จะคนรักอยู่แล้วแต่เขาเองเหมือนจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเขาอยากกลับไปหาคุณหมอ แต่ดันหลงลืมไปว่าตัวเราเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ยังจะไปอะไรกับปลาวาฬอีก เขาแยกไม่ออกค
วารักความถูกต้อง หรือแค่เหงาอยากหาใครสักคนมาแก้ขัดคั่นเวลาตอนแฟนไม่อยู่
หนังจำลองภาพคนที่ไม่รู้ใจตัวเอง และมักจะพยายามกลับเข้าไปหาชีวิตคนอีกคนทั้งที่ตัวเองก็มีคนรักไปแล้ว เมื่อเล่าเรื่องด้วยพล็อตแบบบ้านๆความเป็นอีสานทำให้เราได้เห็น
แง่มุมชีวิตหนุ่มสาวในอีกรูปแบบหนึ่งที่คนทั่วไปคนอยู่ในเมืองไม่ค่อยได้เห็นมาก
ไฮไลท์ของหนังคือการโฟกัสไปยังตัวละครคุณหมอปลาวาฬเนี่ยแหละ เธอเองคือแพทย์หญิงประจำหมู่บ้าน เธอคือคนที่มารักษาคนป่วยคนไข้ในหมู่บ้าน หนังดึงคาแรกเตอร์
ความเป็นแพทย์รักษาคนต่างจังหวัดจากนางเอก ปกติคนต่างจังหวัดจะกลัวการหาหมอมาก บทหนังขับเคลื่อนตัวละครหมอปลาวาฬในการเป็นแพทย์ดูแลรักษาคนไข้ด้วยความเต็มใจไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ เราได้เห็นจรรยาบรรณของเธอในการดูแลคนโน่นคนนี่
ความรู้สึกหลังดู
แต่ตลกร้ายที่ตลอดทั้งเรื่องเธอจะเป็นคนดูแลคนไข้รักษาคนป่วย แต่เธอเองกลับมีบาดแผลรักษาหัวใจตัวเองไม่ได้สักที และยิ่งเจอจ่าลอดมาวนเวียนในชีวิตแบบนี้มันยิ่งไปกันใหญ่ หนังได้ทำหน้าที่ในการสะท้อนความรู้สึกของหมอปลาวาฬที่เก่งกาจรักษาคนไข้ในหมู่บ้านรับมือได้ทุกรูปแบบ
แต่ไม่วายปัญหาหัวใจปัญหาชีวิตมันดันวนลูปเดิม เธอไม่บรรเทาความรู้สึกตัวเองและเจอความมักง่ายของจ่าลอดที่บั่นทอนหัวใจตัวเองจนจุกและช้ำเรื่อยมาเสียใจอ่อนไหวร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นเรื่องยากความรักสำหรับผู้หญิงการตัดใจเป็นเรื่องยากๆจริงๆ
การแสดงของนางเอกของเรื่องอย่าง น้องฟิฟิล์ม สิริอมร อ่อนคูณ น่ารักมีเสน่ห์ คือเราไม่เคยดูผลงานไทบ้านไม่รู้จักเธอมาก่อน แต่เธอสื่อสารออกมาได้ดีเป็นธรรมชาติมาก คุณหมอแพทย์ที่รักษาคนไข้ในหมู่บ้าน แต่พอเรื่องรักเรื่องหัวใจความรู้สึกตัวเองดันกลายเป็นขั้วตรงข้ามกับหน้าที่แพทย์ของเธอ บางมุมก็ดูเซ็กซี่มีรอยสัก บางมุมก็ดูโก๊ะๆดี
จริงๆอยากเห็นผลงานของเธอที่ไม่ใช่แค่เรื่องไทบ้านะ เพราะโดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้เราได้เห็นฝีมือเธอเยอะมาก บทจะต้องเป็นคนเก็บอากาศไม่แสดงความรู้สึกว่าตัวเองเจ็บมีปมในใจเรื่องรัก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ใครจะแสดงบทบาทแบบนี้ได้ คนที่เล่นอารมณ์แบบนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นคนที่พบเจอห้วงอารมณ์ที่ช้ำๆบ่อยมาก ซึ่งเธอตีความออกมาได้ดี ฉากร้องไห้นี่เจ็บปวดแทนเธอไปเลยจ้า เล่นดี อยากบอกว่าเธอคือสิ่งที่ดีงามที่สุดในหนังเรื่องนี้แล้วละ
ถ้าหากใครที่ติดตามหนังภาพยนตร์ไทย เลือดอีสานของจักรวาล ไทบ้านเดอะซีรีส์ มาโดยตลอด เชื่อว่าคุณย่อมต้องรู้จัก และคุ้นเคยกับบทของหมอประจำอนามัยนางหนึ่ง ที่มีหน้าตาสุดน่ารัก อีกทั้งยังสวมแว่นอีกตังหาก ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากคุณหมอปลาวาฬคนสวย อดีตหวานใจของบักลอด พระเอกอีกคนของจักรวาล
ไทบ้านเดอะซีรีส์ นั่นเอง และการมาของหนังเดี่ยวในชื่อของ ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ ก็เป็นเสมือนการกลับไปโฟกัส หรือขยี้เรื่องราวของบักลอด และหมอปลาวาฬ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ เป็นหนัง Spin-off ภาคแยกของจักรวาล ไทบ้านเดอะซีรีส์ ที่ได้ออกฉายไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 โดยผู้กำกับเจ้าเดิม สุรศักดิ์ ป้องศร โดย ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ ภาคนี้ จะเป็นการกลับไปขยี้ปมความรักระหว่างบักลอด
และคุณหมอปลาวาฬ จากภาคแรก ที่ยังคงมีความรู้สึกดีๆ ผูกพันกันอยู่ ยังไม่เลือนหายไปง่ายๆ ดังนั้น เราไปเช็คเรื่องย่อของภาคนี้กันก่อนดีกว่า
ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ เปิดเรื่องโดยโฟกัสไปที่เหตุการณ์หนึ่งในอดีตของ หมอปลาวาฬ กับความรู้สึกอันแสนหดหู่ที่ไม่สามารถช่วยเด็กจากการจมน้ำได้ แต่ก็มีบักลอดนี่แหละ ที่มาทำให้ หมอปลาวาฬ สามารถกลับมามีชีวิตชีวา และสอนอะไรให้หลายๆ อย่าง แล้วเรื่องราวก็ได้วนเวียนมายังในยุคปัจจุบัน หมอปลาวาฬ ก็ยังคงทำหน้าที่ของการ
เป็นแพทย์ประจำอนามัย ร่วมกับ หมอแจ็ค ที่ต่างก็ชอบพอ หมอปลาวาฬ ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ยังไม่วายที่ทุกครั้งที่เจอกันระหว่าง หมอปลาวาฬ กับบักลอด ก็ยังคงมีความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนค้างคาใจอยู่เสมอ ถึงแม้ปัจจุบันบักลอดจะกำลังคบกับครูแก้วอยู่ก็ตามที
และเมื่อครูแก้วมีภารกิจสำคัญต้องพาเด็กๆ ไปแข่งกีฬายังต่างจังหวัด หลายวัน นั่นจึงทำให้บักลอด ได้โอกาสดีที่อยากจะกลับไปสานสัมพันธ์กับหมอปลาวาฬอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกลับมาคุยกัน และเริ่มคุยกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่นำพามาซึ่งความเจ็บปวดที่สุด โดยไม่สามารถหลักเลี่ยงได้
ต้องยอมรับว่าภาคแยกของเรื่อง ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ สามารถทำให้คนชมเริ่มอินไปกับมุมดราม่าของ หมอปลาวาฬ และชีวิตของ หมอปลาวาฬ
รวมถึงเหตุผลต่างๆ ที่ทำไมยังคงทำให้ไม่สามารถตัดขาดจากบักลอดได้ แต่ในเรื่องของความคอมเมดี้ในแบบฉบับของ ไทบ้าน นับว่ามีน้อยจริงๆ ในภาคนี้ อาจเพราะด้วยตัวเรื่องราวที่พยายามเน้น
โฟกัสไปในมุมดราม่าของ หมอปลาวาฬ นั่นจึงทำให้ความคอมเมดี้อาจต้องลดทอนลงบ้าง
แต่โดยรวม ไทบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ ก็ถือว่ายังคงเป็นอีกเรื่องราวของจักรวาล ไทบ้านเดอะซีรีส์ ที่เล่าเรื่องได้ดี และเด่นสุดๆ
กับการหยิบประเด็นบางอย่างจากภาคแรก มาขยี้ในภาคนี้ ได้อย่างถึงเครื่องสุดๆ ดังนั้น หากใครชอบจักรวาลหนังไทยเรื่องนี้
และยิ่งเป็นแฟนๆ คุณหมอปลาวาฬ ด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่าไม่ควรพลาดสุดๆ เต็ม 10 ให้ 6.5 ไปเลย
ผู้เขียนพยายามจะเปิดใจดูหนังไทยแล้วละหลังจากอกหักมาหลายเรื่องมากเลยลองเปิดในไปดูหนังไทยอีสานบ้างถ้าจะดีพูด ซีรีย์ตระกูลไทบ้านก็ยังทำออกมาได้เรื่อย ๆยังคงมี
ผลงานออกมาให้ชมมาตลอดสำหรับหนังในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ แต่หากไม่นับ ‘รักหนูมั้ย’ ที่เหมือนเป็นแค่การใช้นักแสดงชุดเดียวกันมาเล่าเรื่องใหม่ ‘หมอปลาวาฬ’ จะนับเป็นงานหนังสปินออฟลำดับที่ 2 ต่อจาก ‘ไทบ้าน X BNK 48’
ที่หวุดหวิดจะน้ำเน่ากลับมีมิติและมีหัวจิตหัวใจมากพอให้คนดูติดตาม ร่วมลุ้นและอดเห็นใจกับชะตากรรมของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องราวจะวันนี้ผมเพิ่งไปดูไทบ้าน เดอะซีรีย์มา หลังจากเมื่อวานไปดูพี่โลแกน นับว่าเป็นหนังไทยที่ทำได้ดีอีกเรื่องหนึ่งกับเวลาฉาย 2 ชั่วโมง ซึ่งบางครั้งอาจจะงงหน่อย ๆ กับการตัดต่อที่อาจกระโดดไปนิด หนังเรื่องนี้ก็
เป็นไปตามเนื้อเรื่องย่อครับคือพระเอกไม่เคยมีแฟน เลยรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว เพื่อนพระเอกคือบังเซียงเลยแนะนำให้ไปลองจีบสาวสัก 100 คนดูซิ เผื่อจะมีสักคนที่จะสนใจพระเอกคืน (ขออภัยครับ จำชื่อพระเอกในเรื่องไม่ได้)