รีวิว 13 เกมสยอง

รีวิว 13 เกมสยอง

สวัสดีครับวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง 13 เกมสยอง หนึ่งในผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญระดับมาสเตอร์พีซของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง 13th Quiz Show ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูน รวมเรื่องสั้นจิตหลุด (My Mania) ของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ กระทั่งในเวลาต่อมาภาพยนตร์จากหนังสือประสบความสำเร็จ และด้วยเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ จึงได้มีการสร้างภาพยนตร์สั้นที่บอกเล่าเรื่องราวก่อนเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์ในภาพยนตร์ โดยใช้ชื่อว่า 11 หรือ Earthcore และ 12 Begin ตามลำดับ

บอกเล่าเรื่องราวของ ภูชิต พึ่งนาทอง (น้อย วงพรู) เซลส์แมนขายเครื่องดนตรีคนหนึ่ง ที่กำลังถูกบริษัทบีบให้ลาออกจากการเป็นพนักงานหลังจากที่ไม่สามารถทำรายได้ได้ตามเป้า อีกทั้งชีวิตยังเต็มไปด้วยปัญหาที่ผูกขึ้นด้วยมือเขาเองแต่แก้ไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่น่าสนใจของ 13 เกมสยอง คือ ‘มนุษย์จะละทิ้งศีลธรรมของตัวเองได้มากแค่ไหน

เมื่อถึงเวลาที่ตนอับจด้วยการแสดงของ น้อย-กฤษดา สุโกศล ที่รับบทเป็น ภูชิต ได้ราวกับเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงตัวละครนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ส่งผลให้เมื่อถึงฤดูกาลแจกรางวัล น้อยสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก 2 สถาบันสำคัญของประเทศคือ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 และชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 1 ไปครองได้สำเร็จนหนทาง’  หนังไทยเก่าน่าดู

เป็นหนังเก่าที่ทางช่องเคเบิล ชอบยกขึ้นมาฉายซ้ำสมัยเด็กๆตอนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ตอนที่ดูก็แอบย้อนความทรงจำหลายอย่างไปสมัยที่เรียน ก่อนที่ smart phone และอินเทอร์เน็ตยุค 5G จะบูมขึ้นมา ซึ่งเนื้อเรื่องของหนังก็ยังสนุกเหมือนเดิม แค่มาดูตอนโตก็รู้สึกมีมุมมองความคิดที่ต่างออกไปหน่อยกับสมัยเมื่อเป็นเด็ก

ถือว่าเป็นหนังโหดที่ได้รับความนิยมมากจนฝรั่งขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อเพื่อรีเมคในประเทศของตัวเองกันเลยทีเดียว

เล่าเรื่องราวของชิต พนักงานเงินเดือนฐานะปานกลางค่อนไปทางต่ำ ที่รายรับไม่พอรายจ่าย สถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง แน่นอน วันหนึ่งเขาได้รับสายแปลกๆจาก call center ที่ชวนให้เขาเล่นเกมเพื่อแลกกับเงินรางวัลจำนวน 100 ล้านบาท โดยกฎกติกาคือต้องเล่นตั้งแต่เกมแรกไปจนถึเกมที่ 13 ถึงจะได้ 100 ล้านบาท แต่ถ้าหยุดที่เกมใดเกมหนึ่ง

ก็จะได้จอดที่เงินจำนวนแค่นั้น ซึ่งกฎในการเล่นเกมก็มีตั้งแต่กฎแปลกๆอย่างการตีแมลงวัน การกิจอุจจาระให้หมด การทำร้ายร่างกายอันธพาล ไปจนถึงการฆ่าหมาตัวเล็กๆ

ถือว่าเป็นหนังที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการเล่นเกมสยองนะ ถ้าเทียบกับยุคสมัยนั้น CG ของหนัง องค์ประกอบ การแสดงที่สมบทบาทและเป็นธรรมชาติของนักแสดง นับว่าทำได้ดีพอสมควรเลย และให้แง่มุมมองความคิดหลายๆอย่าแตกต่างไปจากสมัยที่เรียนอยู่เมื่อนำกลับมาดูในตอนที่โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว

ในตอนเด็กก็แค่ดูหนัง 13 เกมสยองแล้วรู้สึกว่าเกมสยอง หนังน่ากลัวนะ ถ้าเกิดขึ้นกับเราจะทำยังไง เราจะลำบากขนาดนั้นและทำทุกอย่างเพื่อเงินแบบนั้นบ้างมั้ย แต่พอมาในยุคนี้ที่โตเป็นผู้ใหญ่ทำงานแล้ว มันสะท้อนปัญหาหลายๆอย่างในความคิดคนเลยนะ ทั้งไสยศาสตร์ ความเชื่อที่งมงาย ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเชื่ออะไรที่ไม่สมเหตุสมผล

อย่างการทำพิธีกรรมแปลกๆจนมีคุณตาตกบ่นน้ำตายแล้ว สมาชิกภายในบ้านก็ไม่มีใครสนใจเลยเพราะยุ่งอยู่กับการทำพิธีกรรม  เว็บหนัง

รีวิว 13 เกมสยอง

รีวิว 13 เกมสยอง

รีวิว 13 เกมสยอง  หากให้นึกชื่อภาพยนตร์ไทยที่ทั้งดีและมากไปด้วยคุณภาพแบบเร็วๆ มั่นใจได้ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีภาพยนตร์เรื่อง 13 เกมสยอง อย่างแน่นอน เพราะด้วยเนื้อหาที่จะพาเราออกสำรวจถึงธาตุแท้ของมนุษย์อย่างหนักหน่วง ผ่านการเล่นเกมวัดศีลธรรมชีวิตที่มาพร้อมกับการเสียดสีกฎหมายอย่างเจ็บแสบ และตอนจบสุดหักมุม สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ 13 เกมสยอง กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คนมาจนถึงปัจจุบัน  ดูหนัง

13 เกมสยอง คือ หนึ่งในผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญระดับมาสเตอร์พีซของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง 13th Quiz Show ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูน รวมเรื่องสั้นจิตหลุด (My Mania) ของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ โดยภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทั้งในแง่เสียงชื่นชมและรายได้ กระทั่งในเวลาต่อมา

ด้วยเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ จำนวนมาก จึงได้มีการสร้างภาพยนตร์สั้นที่บอกเล่าเรื่องราวก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ โดยใช้ชื่อว่า 11 หรือ Earthcore และ 12 Begin ตามลำดับ นอกจากนี้ 13 เกมสยอง ยังเคยถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดโดยใช้ชื่อว่า 13 Sins อีกด้วย  13 เกมสยอง สปอย

13 เกมสยอง บอกเล่าเรื่องราวของ ภูชิต พึ่งนาทอง (น้อย วงพรู) เซลส์แมนขายเครื่องดนตรีคนหนึ่ง ที่กำลังถูกบริษัทบีบให้ลาออกจากการเป็นพนักงานหลังจากที่ไม่สามารถทำรายได้ได้ตามเป้า อีกทั้งยังประสบปัญหาหนี้สินรุมเร้า แฟนทิ้งไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ แถมยังต้องส่งเสียน้องสาว รวมไปถึงแม่ที่เลี้ยงดูเขาและน้องเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็ก สมบัติชิ้นสุดท้ายของเขาอย่างรถยนต์ที่ขาดส่งไป 3 เดือนก็ยังมาถูกยึดไปต่อหน้าต่อตาอีก

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น และเสียงปลายสายลึกลับได้ดึงเขาเข้าสู่ ‘13 Beloved’ เกมท้าทายชีวิตที่มีโจทย์อยู่ด้วยกัน 13 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อก็ยั่วยวนให้เขาค้นหาคำตอบและเล่น โดยมีผลตอบแทนที่ดึงดูดใจอย่าง ‘เงิน’ ที่เมื่อผ่านโจทย์ในแต่ละข้อเขาก็จะได้เงินสะสมทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ

และจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เขาสามารถตรวจสอบได้ทันที และถ้าเขาเล่นเกมครบ 13 ข้อก็จะได้เงินรางวัลสะสมสูงถึง 100 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาหยุดเล่นเงินสะสมทั้งหมดจะถูกยกเลิก หากบอกต่อให้คนอื่นรู้เกมจะถือว่าเป็นโมฆะ และหากพยายามติดต่อกลับหมายเลขดังกล่าวถือว่าเกมสิ้นสุดลงทันที ดูหนังออนไลน์

รีวิว 13 เกมสยอง

13 เกมสยอง การดำเนินเรื่อง 

หนึ่งในคำถามที่น่าสนใจของ 13 เกมสยอง คือ ‘มนุษย์จะละทิ้งศีลธรรมของตัวเองได้มากแค่ไหนเมื่อถึงเวลาที่ตนอับจนหนทาง’ เราจะเห็นได้จากการที่ชีวิตของภูชิตนั้นล้มเหลวในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ครอบครัว การเงิน หรือความรัก ซึ่งทุกปัญหานั้นล้วนเกิดจากตัวของเขาเองแทบจะทั้งสิ้น 13 เกมสยอง สปอยตอนจบ

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบจากปีศาจที่มีชื่อว่า 13 ยื่นข้อเสนอมาให้กับเขาว่า หากเขายอมรับเงื่อนไขของตน ปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ทั้งหมดจะหายไปในทันที คำถามก็คือ หากคนดูภาพยนตร์อย่างเราเป็นภูชิต เราจะยอมเซ็นสัญญากับปีศาจไหม?

แน่นอนว่าถ้ามองในมุมของคนดูเราก็คงตอบว่า ‘ไม่’ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้ามองในมุมของภูชิตผู้ที่ล้มเหลวในทุกๆ ด้านของชีวิตล่ะ? เขาจะต้องเอื้อมมือไปหาปีศาจอย่างแน่นอน เพราะมนุษย์นั้นมีความต้องการอยู่เสมอ และเมื่ออับจนหนทางปีศาจก็จะใช้ความอ่อนแอเหล่านั้นมาล่อลวงเราได้อย่างง่ายดาย ต่อให้สิ่งนั้นมันจะทำให้ชีวิตของเขาพังทลายย่อยยับลงก็ตาม เขาก็เลือกที่จะจับมือกับปีศาจอยู่ดี เว็บหนังออนไลน์

แต่หากมองในมุมกลับกัน ปีศาจที่ชื่อว่า 13 ไม่ได้ทำให้ชีวิตของภูชิตย่อยยับ 13 เป็นเพียงแค่ปีศาจที่มายื่นข้อเสนอให้กับเขาเท่านั้น แต่คนที่ตัดสินใจว่าจะ ‘รับ’ หรือ ‘ไม่รับ’ ก็คือตัวของเขาเอง

13 เกมสยอง จึงเป็นเหมือนบททดสอบที่ท้าทายระหว่าง ‘กิเลสความต้องการ’ กับ ‘ศีลธรรมในใจ’ ของมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างใดก็ล้วนแต่สะท้อนถึงหลุมดำภายในจิตใจของมนุษย์อยู่ดี  รีวิวหนังไทย

รีวิว 13 เกมสยอง

13 เกมสยอง จุดเด่น

ในช่วงแรกของเกมเราจะเห็นได้ว่า โจทย์และเงื่อนไขของเกมนั้นยังไม่ได้มีความรุนแรงและก้าวข้ามเส้นศีลธรรมแต่อย่างใด จนกระทั่งเรื่องราวถูกดำเนินไปเรื่อยๆ ผ่านจำนวนตัวเลขที่มากขึ้นของเกม พร้อมกับความเป็นมนุษย์ที่หลุดลอยหายไปจากตัวของภูชิตมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนตัวเลขที่มากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าบททดสอบในช่วงแรกนั้นจะเริ่มต้นจากอะไรที่ทำได้ง่ายๆ แต่ในความง่ายเหล่านั้นก็มีการละลายความรู้สึกผิดไปทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว

ตั้งแต่เกมแรกกับภารกิจที่ง่ายแสนง่ายอย่างการฆ่าแมลงวันแค่ตัวเดียว จริงอยู่ที่มันเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กตัวหนึ่งที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ การตายของมันจึงทำให้ภูชิตไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรมากมายขนาดนั้น แต่อย่าลืมว่าในเวลาปกติหากแมลงวันไม่ได้มาตอมหรือสร้างความรำคาญให้กับเรา เราก็คงไม่ลุกขึ้นไปตีมันอย่างแน่นอน

จนกระทั่งเกมเริ่มจะพาเราเข้าไปสำรวจในจิตใจของภูชิตมากขึ้น อย่างการที่เขาถูกพ่อทุบตีทำร้ายร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งภาพยนตร์เลือกที่จะนำเสนอออกมาเป็นภาพแฟลชแบ็กช่วงสั้นๆ ให้ผู้ชมได้รับรู้ตีคู่ไปกับการที่เขาจะต้องมาทำสิ่งเดียวกันกับเด็กในโรงเรียน ซึ่งเป็นโจทย์ข้อที่ 3 แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่ดูยากอะไรในสายตาของภูชิต แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เกราะที่มีชื่อว่า ‘ศีลธรรม’ ในตัวของเขานั้นค่อยๆ หลุดลอยออกไปทีละนิดแล้ว  13 เกมสยอง พากย์ไทย

แต่เกมก็ยังคงเดินหน้าพาเราออกไปสำรวจถึงจุดอ่อนที่เรียกว่า ‘ปมในอดีต’ ที่ฝากรอยแผลเอาไว้ให้กับตัวเขา โดยเฉพาะโจทย์ข้อที่ 5 ที่ปมเหล่านั้นถูกกระตุ้นให้เขากล้าที่จะกินอาหารเพื่อที่จะเอาชนะและคว้าเงินรางวัลมาครอง ปมเหล่านั้นเองที่ถ้าหากเราไม่เคยตระหนักรู้ เราก็มักจะถูกมันกลืนกินและกระตุ้นให้ต้องทำในสิ่งที่ผิดได้อย่างง่ายดายโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว

รีวิว 13 เกมสยอง บทสรุป

รีวิว 13 เกมสยอง  นอกจากนี้ เรื่องราวของโจทย์แต่ละข้อยังสะท้อนไปถึงด้านมืดของสังคมไทยด้วย ตัวอย่างเช่น ปู่ชิว ในโจทย์ข้อที่ 7 ที่ภูชิตจะต้องนำร่างของเขาที่ตายไปแล้วเป็นสิบวันออกมาแทนญาติที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ซึ่งไม่มีใครเอะใจหรือสงสัยว่าปู่ชิวหายไปไหนเลยสักคน ซึ่งภาพยนตร์พยายามสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของ ‘คนที่ถูกทอดทิ้งจากสังคม’

ไม่เพียงเท่านั้น โจทย์ในข้อก่อนหน้านี้อย่างข้อที่ 6 ก็สะท้อนให้เราเห็นถึงปัญหาของ ‘กลุ่มคนที่เป็นภัยสังคม’ เราจะเห็นได้จากการที่ภูชิตจะต้องแย่งโทรศัพท์จากกลุ่มเด็กนักเรียนช่างกลด้วยการต่อยตีและทำร้ายร่างกายกันจนปางตาย  13 เกมสยอง บทสรุป

มองดูผิวเผินแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่หากมองดูให้ดี ภูชิตที่ชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาดูเหมือนจะห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากช่วงต้นเรื่องที่เขาไม่แม้แต่จะกล้าเข้าไปต่อยหน้ารุ่นพี่ที่บริษัทที่มาแย่งฐานลูกค้าของเขา แต่หลังจากที่เขาได้เซ็นสัญญากับปีศาจ ภูชิตก็แสดงด้านมืดของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเลด้วยการเดินเข้าไปต่อยที่หน้าของรุ่นพี่คนนั้น แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่ดูใหญ่โตเท่ากับการตีรันฟันแทงกับเด็กอาชีวะ แต่มันก็เป็นสิ่งยืนยันว่าตัวเขานั้นได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

13 เกมสยอง โดยรวมหนัง

แม้จะมีส่วนที่ชวนให้ตั้งคำถามและน่าสงสัยหลายๆอย่าง เช่น กล้องวงจรปิดที่จับตามองพฤติกรรม การเคลื่อนไหว ของชิตในเกมนั้นอยู่ตรงไหน แต่หนังก็สนุกใช้ได้เลยนะและแอบหดหู่มากๆด้วยสำหรับผู้เขียนตอนดู และเด็กผู้ชายคนสุดท้ายที่ควบคุมเกมนี้คืออะไร ซึ่งหลายๆคนที่ดูหนังเรื่องนี้จบก็คงสงสัยแบบเดียวกันรวมถึงผู้เขียนด้วย

ซึ่งก็คงต้องไปตามต่อใน the 11 the 12 นั่นแหละค่ะ ถึงจะเข้าใจตัวหนังได้มากขึ้น ส่วนตัวด่านที่ผู้เขียนคิดว่าแอบโหดมากที่สุดคือด่านสุดท้ายค่ะ ซึ่งใครอยากรู้ก็ต้องไปดูหนังได้เลยนะ 13 เกมสยอง น่ากลัวไหม

คะแนนรีวิว 8.5/10 เพราะความมีเหตุมีผล ความเป็นธรรมชาติของนักแสดง และความสนุก สุดยอดและมีเอกลักษณ์ของตัวหนังด้วย ทั้งพลอต บท การเล่าเรื่อง คือทุกอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *