สวัสดีครับใครที่กำลังว่างๆ ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ผมขอมา รีวิวหนังไทยใหม่ Leio 2022 ภาพยนต์ไทยปี 2022 Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ที่สามารถสร้างรายได้ไม่ธรรมดา หนังไทยที่ทำภาพ CG ของตัวแย้ได้อย่างสมจริง ไม่เหมือนหนังช่อง 7 สมัยก่อนแล้วนะ ถ้าไม่เชื่อลองดูตัวอย่างก่อนเลย และ ใครอยาก ดูหนัง แบบถูกลิขสิทธิ์ สามารถรับชมได้ที่ Netflix เลยครับ แต่ก่อนจะไปดูลองมาอ่านบทวิจารณ์ตัวหนังและนักแสดงจากผมหลังดูจบกันก่อนเลย
รีวิว leio โครตแย้ยักษ์ หนังไทยเรื่องแรกที่CGไม่ห่วย
การกำเนิดของเนรมิตภาพยนตร์นอกจากจะส่งเสริมอุดมการณ์ความหลากหลายในภาพยนตร์ไทยแล้ว ยังมุ่งทำลายอคติของผู้ชม รวมถึงการพูดถึงคนชายขอบในละครเด็กจักรกล “4 กษัตริย์ อาชีวะ 90” ที่ทำรายได้ดีในยุค ปีที่ผ่านมาและปีนี้ ด้วยโปรเจ็กต์ “I Am a Monster” ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 เมษายน การสร้างภาพยนตร์ที่บุกเบิกโดย “Lio Kot Yae Yak” เรากำลังพูดถึงความเปล่งประกาย
สนับสนุนโดยโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์
ส่วนเรื่องราวใน ลีโอ โคตรแยก เริ่มจากความตกต่ำของศิลปินฮิปฮอปหนุ่ม เก้า (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) และการตำหนิของแร็ปเปอร์สาว เจน (ณัฐชา เดอซูซ่า) โดยคนในวงการที่อยู่เบื้องหลังเธอ กลับสู่บ้านเกิดที่จังหวัดเลยพร้อมผู้จัดการผู้ทรงอิทธิพลในงานศพปู่ของเขา ซึ่งตรงกับ YouTuber สาว ฝน (ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์) เพื่อนสมัยเด็กของเธอที่จัดแข่งหาบน้ำในทุ่งตะวันยางเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท . ลูกน้องเก่าของปู่เก้าเจนกับโย (ศุภชัย สุวรรณเรือง) ร่วมทีมเจาะน้ำบาดาลเพียงเพื่อชิงรางวัล แต่ไม่รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดในตะวันหยางเทียน ที่รอเอาชีวิตพวกเขาอยู่
บอกตามตรงว่าพอเห็นตัวอย่างหนังแล้วคิดถึงหนังสัตว์ประหลาดในตำนานอย่าง ‘Tremors’ หรือชื่อไทยว่า ‘Million Year Hell Ambassador’ หนังฮอลลีวูดเกรดบีที่เน้นสัตว์ประหลาดหนอนยักษ์ใต้ดิน ตัวละครของฮีโร่และการกระทำของพวกเขาในทะเลทรายแห้งแล้งในถิ่นที่อยู่ของพวกเขาดูห่างไกลเกินกว่าจะเล่นกับความไม่เท่าเทียมที่แท้จริงของพวกเขาได้ มนุษย์ได้บุกรุกที่อยู่อาศัยและพยายามเล่นงานพระเจ้าจนต้องหาทางเอาชีวิตรอด
แต่สำหรับ “Lio” บทไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับเรามากนัก นอกจากฉากเปิดที่พยายามแสดงความดุร้ายของสัตว์ประหลาดลึกลับ หนังไม่ได้ขุดลึกหรือพยายามพูดถึงแย้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์พื้นเมืองหรือพูดคุยเกี่ยวกับความผิดปกติที่มนุษย์ทำก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดธรรมดา ส่วนหนึ่งทำให้มันดูลึกลับ แต่สำหรับคอหนังที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม เอ่อ…มันถูกสัมผัสกับสารเคมีหรืออะไรบางอย่าง หรือมันจะแก้แค้นมนุษย์ที่จับมันได้อย่างไร? หนังไม่ต้องพูดอะไรมาก ซึ่งทำให้อันดับของหนังสัตว์ประหลาดน่าจดจำน้อยลง
การดำเนินเรื่องของภาพยนต์
แต่หนังกลับพยายามนำเสนอชีวิตของเก้าด้วยความรักบ้านเกิด กลายเป็นหนังคนละม้วน ยิ่งเมื่อเขาและเจนกลับมาที่บ้านเกิดที่จังหวัดเลย จากนั้นหนังก็พยายามย้อนเวลาด้วยฉากย้อนอดีตที่คุณปู่ใช้บทเรียนการเจาะดินเพื่อสอนชีวิต รวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างหนูน้อยวัย 9 ขวบกับเสี่ยวหยู่ที่จับปูมาให้พวกเรา Nine Paves เขามีความรู้เพียงพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้
แย้ยักษ์ หนัง อีกจุดหนึ่งคือฉากละครที่เชื่อมโยงจากภาพย้อนหลัง เป็นปมที่ทำให้เก้าหนีจากบ้านเกิดเพื่อมาเป็นศิลปินในกรุงเทพฯ ณ จุดนี้ กอล์ฟ-พิชญะ แสดงละครให้เราเอาใจช่วย ยอมรับว่าจริง ทั้งสองเป็นอาการบาปของการย้อนอดีตที่พยายามเผยแพร่ความโกรธและความไม่พอใจของคุณปู่ แม้จะต้องยอมรับว่าการแคสฉากรำลึกความหลังไม่ว่าจะเป็น Jiu หรือ Xiaoyu แทบไม่มีความเป็นนักแสดงผู้ใหญ่เลย จนเหมือนโฆษณารักบ้านเกิดที่แทรกเข้ามาในหนัง
อีกด้านที่หนังอย่าง “เลียว” พยายามนำเสนอคือเรื่องการเมืองและชนชั้น ที่ผสมผสานตัวละคร เสี่ยหมี รับบทโดย พงษ์เทพ อนุรัตน์ เศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการเหมือง กับตัวประกอบ อย่าง ผู้ว่าฯ ชยามิต้องการมีส่วนร่วมในการขุดนี้เพียงเพื่อหาโอกาสได้ใกล้ชิดกับสายฝน ส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นว่าหาก ‘Lio’ มีความทะเยอทะยานมากขึ้นในแง่ของบทภาพยนตร์ มันจะเป็นภาพยนตร์ที่คล้ายกับบงจุนโฮ ‘The Host’ หนังสัตว์ประหลาดที่เกี่ยวการเมืองได้ดีแต่หนังสะเทือนอารมณ์ มันผิวเผินมากจนน่าผิดหวัง
จุดบอดที่แท้จริงของหนังคือการนำเสนอความงี่เง่าของตัวละครอย่างชาญฉลาด อันที่จริง เป็นเรื่องน่ายินดีที่หนังประเภทนี้จะแสดงความงี่เง่าของตัวละครตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ นอกเหนือจากฉากงี่เง่าที่ตัวละครยังคงฆ่าตัวตาย มีสิ่งหนึ่งที่ให้อภัยไม่ได้คือการจัดวางตัวละคร “ไข่คำ” ดูเหมือนจะยกมาจากหนังไทยช่วงต้นยุค 90 ทั้งบทพูดแปลก ๆ หรือท่วงท่าชวนงงมากมาย โดยเฉพาะในสถานการณ์บ้า ๆ บอ ๆ ที่ตัวละครนิ่งเงียบ..แต่กลับโปรเจกต์เสียงกันออกมาราวกับจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พยายามทำภาพยนต์ออกมาได้อย่างดี แต่ยังพลาดหลายจุด
แค่วางโครงเรื่องย่อยอย่างความรักระหว่าง Gao และ Feng เท่านั้นยังไม่พอที่จะทำให้เราอยากช่วยพวกเขา น่าเสียดายที่หนังที่ควรส่งเสริมอาชีพการงานของ ฟาง ธนันต์ธรญ์ ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญ น่าเสียดาย แม้ว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของงานก็ตาม ชวนในหนังยังไม่ค่อยแห้งกับชายหนุ่ม แต่การมีฟาง-เฟย์ ฟาง แก้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้ตลกเหมือนเพลงของค่ายกามิกาเซ่ที่เธอเคยร้องมาก่อนแต่อย่างใด
นี่คือความพยายามอันยิ่งใหญ่ของวงการภาพยนตร์ไทย พอได้ลองก็กลัวจะไม่มีใครกล้าแตะหนังแบบนี้มากว่าสิบปี การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์ไทย “เลโอ สิงห์ยักษ์” มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในรูปแบบภาพยนตร์ท้องถิ่นและสร้างโลกไทเก็กแบบไทย แต่ไม่ว่าจะระเบิดหรือไม่ระเบิด ช่องว่างเล็กๆ นี้กำลังจะถูกเปิดเผย…
เรื่องราวของลีโอเกิดขึ้นในดินแดนที่แห้งแล้งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ จ.เลย ซึ่งเกิดภัยแล้งเป็นประจำทุกปี ส่งผลให้มีกลุ่มคนแย่งกันเจาะหาแหล่งน้ำใต้ดิน กลุ่มคนที่ต้องการหาผลประโยชน์จากการเจาะน้ำบาดาลซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้มหาศาล เพียงเพราะต้องการหาแหล่งน้ำใต้ดินจึงต้องตะเวนเจาะบ่อ ขุดหลุม ลึกลงไปชั้นใต้ดินเพื่อหาแหล่งน้ำ
แต่ใครจะคิดว่าการขุดครั้งนี้จะเปลี่ยนจากสวรรค์เป็นนรกในพริบตา? เมื่อสัตว์ประหลาดแห่งเผ่าพันธุ์โบราณถูกปลุกให้ตื่นจากการจำศีล นักล่าหน้าใหม่ขนาดใหญ่ที่สามารถล่าใครก็ได้และมีชีวิตรอดอย่างยากลำบาก พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากหาวิธีรับมือ ทางรอดเดียวคือต้องสู้! เตรียมพบกับความตื่นเต้นครั้งใหม่จากใต้ดิน
ก่อนอื่นต้องขอชมเชย ไลโอโครตแย้ รีวิว วงการหนังไทยที่ทำงานหนักและมุ่งมั่นในทิศทางใหม่ๆที่ไม่ซ้ำกับหนังตลกหรือหนังผีเสมอไป ลีโอ เจ๋งมาก ไจแอนท์ หวังยกระดับหนังแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดไทย ฉันยังต้องการยกย่องเป็นพิเศษให้กับทีมสร้าง CG เทคนิคพิเศษของไทย ซึ่งเป็นความพยายามที่น่านับถือมาก หนังที่ออกมาก็ยังต้องเรียนให้รู้เท่าทันว่า…ยังไม่ดีพอ
พูดตามตรง นี่คือเลโอ ลีโอยักษ์เจ้ากรรม ก็ถือได้ว่าเป็นหนังไทยที่ส่งกลิ่นอายดั้งเดิมที่คุ้นลิ้นเป็นอย่างดี แตกต่างจากหนังสูตรสำเร็จเมื่อ 20 ปีก่อนเล็กน้อย หนังมีจุดบกพร่องในหลายองค์ประกอบตลอดทั้งเรื่อง ความสนุกตามเนื้อเรื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมได้ดี ในหลาย ๆ ด้านที่ตัวเลือกของภาพยนตร์เรื่องนี้ครอบคลุม ซ้ำร้ายยังถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดและความอับอาย
จุดเด่นของภาพยนต์เรื่อง Leio ไลโอโคตรแย้ยัก คือการออกแบบทำCG ได้เหมือนจริง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลีโอโครตแย้ยักษ์2022 ก็คือสิงห์ยักษ์ การออกแบบเทคนิคพิเศษ CG ในภาพยนตร์ต้องเป็นจุดเด่นและจุดที่ดีที่สุด แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เราแค่อยากจะชมการออกแบบของน้องแย้เลียว เนื่องจากโปรดิวเซอร์ออกแบบด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี รายละเอียดของสัตว์ประหลาดจึงทำได้ดีเช่นกัน มันเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่ช่วยเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
เศร้ามากเพราะน้องญาลียังดีไม่พอที่จะมาเป็นพระเอกในหนังเรื่องนี้ ความดีงามของส่วนนั้นไม่สามารถปกปิดรอยแผลเป็นอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ นอกจากงาน CG ของน้องแย้แล้ว Leio ยังเป็น Leo ตัวยักษ์อีกด้วย เหมือนน่าเสียดายที่ลืมใส่รายละเอียด CG ในมุมมองอื่น แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะใช้ CG มากกว่า 80% ตลอดทั้งเรื่อง แต่ตัวหนัง ฉากรอบๆ และเอฟเฟ็กต์ที่ใส่เข้าไป มันดูแปลกๆและหลายๆที่ก็ไม่เข้ากับเนื้อ
ไม่เพียงเท่านั้น ลีโอ ยังเป็นสิงห์ยักษ์อีกด้วย ในแง่ของบทภาพยนตร์ที่ยังคงขาดตกบกพร่อง กลับกลายเป็นความผิดหวังโดยสิ้นเชิง ใส่รายละเอียดเช่นภาพตัดปะ ทุกอย่างติดกันโดยมีรากฐานที่มั่นคงเพียงเล็กน้อยสำหรับเรื่องราวหลัก ทำไมต้องเผชิญกับการเล่าเรื่องที่น่าเบื่ออย่างสมบูรณ์? ส่วนปัจจุบันและส่วนก่อนหน้าพยายามเติมความรู้สึกขอบคุณและกลายเป็นความรู้ชนิดหนึ่ง เหมือนกับการนั่งอยู่ในรถที่เร่งความเร็วและเบรกอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถปรับจูนได้
ในแง่ของการคัดเลือกนักแสดงของเลโอ เลโอค่อนข้างน่ากลัว ถือว่าอยู่ในช่วงเกือบจะหายนะ ยกเว้นบทสนทนาของตัวละครจะโบราณและผิดธรรมชาติมาก อีกทั้งยังทนกับสิ่งยั่วยุและตัวละครที่สร้างความหงุดหงิดใจได้ทุกรูปแบบ บทที่แทบไม่ส่งถึงนักแสดงเลยทำให้การแสดงของนักแสดงแต่ละคนแทบหาจุดเด่นแทบไม่เจอ ราวกับใช้แค่ เหยื่อล่อเป้ามาเขมือบน้องแย้
สรุปภาพยนต์โดยรวมว่าทำออกมาดีหรือไม่ และความรู้สึกหลังดู
ไม่ใช่ว่า “กอล์ฟ พิชญะ” หรือ “ฟาง ธนันต์ธรญ์” จะทำไม่ดี เพียงแต่ว่าการเชื่อมโยงสคริปต์กับองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ มันเหมือนกับการดูการแสดงภาพยนตร์ B หรือหนังวินเทจหรืออะไรทำนองนั้น ไม่ลื่นไหล ไม่สวยงาม และที่แย่ที่สุดคือบทสนทนาที่ถูกจับมาเชื่อมต่อกัน มันกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับตัวละครนั้นและน่าเสียดายที่มันทำลายเคมีของนักแสดงด้วย
นี่ดูเหมือนเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของหนังสัตว์ประหลาดที่ประสบความสำเร็จ สิ่งนี้มักจะสร้างตัวละครที่ไม่แข็งแรง แต่มันมีข้อได้เปรียบเหนือ Leo ในส่วนการสร้างสัตว์ประหลาด ซึ่งผลดังกล่าวอาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากทีมครีเอทีฟ สองผู้กำกับ “ชลิต ไกรเลิศมงคล” และ “ชิตพล เรืองกาญจน์” ต่างก็เคยทำงานด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์ซีจีมาก่อน ผู้กำกับรับเรื่องเป็นครั้งแรกทำให้องค์ประกอบ CG พอใช้ได้ แต่ส่วนที่เหลือยังต่ำกว่ามาตรฐาน
ไลโอโครตแย้ เต็มเรื่อง โดยรวมแล้วต้องยอมรับว่า ‘Lio Ko Ko Ya Yao’ ยังไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดที่เราจะแนะนำได้ว่าตลกหรือยอดเยี่ยม (ถึงเราจะแอบเชียร์ตั้งแต่แรกเห็นก็เถอะ) แม้แต่งาน CG ของ Fat Cat Studios ก็ยังอดส่ายหน้าไม่ได้ (ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ) แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอผลงานเรื่องต่อไปของ เนรมิตร พันธุ์หนัง ไม่ว่าจะเป็น “สังกระสือ 2” หรือ “The 100” จะเน้นไปที่บทมากขึ้นโดยเฉพาะที่ต้องหลุดจากกับดักของหนังไทย ขายหนังตลกที่การเข้าสู่หนัง Monster Verse เรื่องแรกของไทยเป็นหนังที่เราแนะนำใครได้ไม่เต็มที่
อาจกล่าวได้ว่า Leo Leo เป็นยักษ์ที่น่าเกรงขาม นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นความพยายามในการเปิดจักรวาลของ Tai Chi และผลลัพธ์ที่ได้นั้นค่อนข้างไม่สมบูรณ์ องค์ประกอบของหนังยังมีจุดบกพร่องอยู่หลายจุด แม้ว่าการออกแบบ CG จะโดดเด่น แต่ก็พอดูได้ ทำเอาหนังค้างคาทั้งเรื่องไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้แต่ดูท่าว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมผิดหวังได้อย่างน่าอัศจรรย์