รีวิว the lake บึงกาฬ

รีวิว the lake บึงกาฬ

“The Lake บึงกาฬ” ถือเป็นหนังไทยที่น่าจับมองมากของปีนี้ในฐานะของหนังสัตว์ประหลาดไทยที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก หลังจากดูจบ ส่วนตัวก็ค่อนข้างนับถือในความทะเยอทะยานของหนังในหลายอย่างที่สามารถยกระดับหนังไทยได้มากเลยทีเดียวในแง่ของสเกลงานที่ดูใหญ่โต แม้สุดท้ายผลลัพธ์จะค่อนข้างตะกุกตะกักอยู่พอสมควร เพราะด้วยหลายอย่างยังคงออกมาไม่ดีนัก แต่บางอย่างก็ให้ความรู้สึกว่าหนังมาถูกที่ถูกทาง หนังไทยใหม่

เรื่องคร่าว ๆ ของหนังคือมีสัตว์ประหลาดที่จู่ ๆ ได้โผล่ออกมาอาละวาดชาวบ้านที่อาศัยอยู่ จึงทำให้ผู้คนต้องหาทางหยุดมันก่อนที่จะสายเกินไป หนังมีเส้นเรื่องอยู่หลาย ๆ เส้นเรื่อง ครึ่งแรกถือว่าเล่าออกมาได้สนุกเร้าอารมณ์ดี มีความน่าติดตามในเรื่องของการที่ตัวละครที่ทุกเส้นเรื่องพยายามเผชิญหน้าและหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนตัวชอบบรรยากาศหม่น ๆ ปนความระทึกที่ทำออกมาดูดีมาก เป็นส่วนที่ทำให้เรายังคงเพลิดเพลินกับหนัง ส่วนวิชวลซีจีและโปรดักชั่นก็ออกมาแนบเนียนไม่มีปัญหา ทำออกมาสมจริงมาก ตัวหุ่นยักษ์และตัวสัตว์ประหลาดก็สามารถกลืนเข้ากับหนังได้ลงตัว  ดูหนังออนไลน์

รีวิว the lake บึงกาฬ

เรื่องถือว่าเปิดมาดีและน่าสนใจในช่วงแรก แม้ระหว่างทางมันจะธรรมดาและมีแผล เช่น ความสมเหตุสมผลของตัวเรื่องที่ทำให้เราตะหงิดอยู่ การลำดับภาพที่ยังไม่ลื่นไหลนัก จึงทำให้หลายชาวงดูมึนงง โดยเฉพาะในครึ่งหลังเอง อีกทั้งข้อจำกัดของสเกลที่ยังทำให้ภาพหนังยังออกมาไม่ชัดเจนมาก แต่พอมันเข้าซีนสัตว์ประหลาดก็สนุกเอ็นจอยอิ่มเอมดี พาร์ทดราม่าก็ไม่มากไป มีความเข้มข้นดุดัน เลยทำให้ในแง่นึง มันเลยเป็นหนังสัตว์ประหลาดไทยที่หลายอย่างที่ได้เห็นมันก็สมน้ำสมเนื้อในโทนความจริงจัง   ดูหนังฟรี

แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับว่าเสียดายอย่างยิ่งที่ช่วงท้ายของหนังมันขมวดจบไม่ดีและไม่ค่อยลงตัวเท่าไร เลยทำให้ตัวหนังออกมาเป๋พอสมควรที่มันเลือกที่จะจบแบบนั้น ซึ่งมันก็ชวนตั้งคำถามหลายอย่างทั้งความไม่สมเหตุสมผลและความปลายเปิดที่ปมหลายอย่างที่ดูค้างคา อีกทั้งความเป็นปรัชญาของมันที่เล่าออกมาได้คลุมเคลือไม่ค่อยกระจ่าง จนทำให้เราแอบขำไปมากกว่าที่จะอึ้งทึ้งไปกับมัน  the lake บึงกาฬ สปอย

ทั้งการไปดึง จอร์ดู เชลล์ (Jordu Schell) นักออกแบบสัตว์ประหลาดในหนัง ‘Cloverfield’ (2008) และ ‘Avatar’ (2009) มาช่วยสร้างสัตว์ประหลาดในบึงใหญ่ที่ผสมระหว่างปลาดุก จระเข้ และงู โดยใช้วิสัยทัศน์การนำเสนอที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังอย่าง ‘Jurassic Park’ (1993) หรือ ‘Godzilla’ (1998) ที่คุ้นตากับฉากสัตว์ร้ายกลางสายฝนและความมืดดำของค่ำคืนสลับแสงฟ้าผ่าและไฟฉุกเฉินในบรรยากาศเมืองต่างจังหวัดของไทยได้อย่างลงตัว และตอกย้ำว่าผู้สร้างเองก็แม่นยำในการคุมมู้ดและโทนของหนังพอสมควร

การดำเนินเรื่อง

รวมถึงการเลือกนักแสดงที่สามารถแบกฉากของตนเองได้ทั้ง ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง ในบทพี่สาวคนโตของบ้านริมทะเลสาบที่พบไข่สัตว์ประหลาด, อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร ในบทน้องชายของออมที่ล้มเหลวจากเมืองกรุงกลับมาบ้านเกิด, ปู-วิทยา ปานศรีงาม ในบทหัวหน้าตำรวจประจำจังหวัดที่รับผิดชอบตัดสินใจสั่งการทุกอย่าง, ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล

ในบทสารวัตรที่ตามคดีนี้มาแต่แรก และสุพรรณษา เวชกามา หรือรู้จักกันในนาม ลำไย ไหทองคำ ที่มารับบทลูกสาววัยขบถของตุ้ย แม้รูปลักษณ์ของเธอกับตุ้ยไม่ได้ดูห่างขนาดจะเป็นพ่อกับลูกแต่เอาจริงแล้ว เธอก็ดูไม่ขัดเขินเกินไปที่จะเป็นเด็กมัธยมปลาย น่าจะเป็นว่าตุ้ยดูยังหนุ่มเกินวัยเสียมากกว่า

ที่ว่ามาจัดว่าล้วนเป็นข้อดีของหนังที่น่าชื่นชม  ดูหนังออนไลน์

ด้วยข้อดีที่ว่ามาที่ผู้สร้างพยายามอย่างยิ่งให้ปรากฏออกมา ประกอบกับเงื่อนไขกรอบจำกัดการทำงานที่พอเข้าใจได้จากผลงานที่สำเร็จแล้ว ทั้งปัญหาเรื่องทุน เวลา การประสานหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ทุนจีน และความยากโดยพื้นฐานของหนังสัตว์ยักษ์เป็นทุนเดิม ล้วนเป็นสิ่งที่น่าเห็นใจอยู่แล้ว มันจึงทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่เราเกลียดไม่ลง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่ามันคือการฝืนทนดูไปพร้อมความหงุดหงิดใจหลายประการตลอดเรื่องเช่นกัน    the lake บึงกาฬ เรื่องย่อ

รีวิว the lake บึงกาฬ

พล็อตเรื่อง

อาจพูดได้ว่าหนังมี 3 เรื่องสั้นที่น่าสนใจในตัวเองอยู่ในนั้นและคงจะดีถ้าต่างคนต่างอยู่กันไปมากกว่าที่จะเอามารวมกันแล้วดูไม่ส่งเสริมกันอย่างที่เป็น หนังสั้นทั้งสามเรื่องคือ

เรื่องแรก เป็นเรื่องของครอบครัวชาวบ้านชนบทที่มีชีวิตพึ่งพาเกษตรกรรม วันหนึ่งลูกสาวคนเล็กเกิดพบไข่ลึกลับและทำให้เธอรู้สึกพิเศษกว่าใครเธอหวงแหนมันมาก ทว่าไข่ใบนี้ทำให้ชาวบ้านคนอื่นต่างต้องเจอกับการรุกรานของปีศาจร้าย ดูหนังฟรี ไม่เว้นแม้แต่พี่สาวกับพี่ชายของเธอที่สุดท้ายแม้รอดชีวิตได้แต่ก็ต้องติดเชื้อจากเลือดพิษทำให้เชื่อมจิตกลาย

เป็นส่วนหนึ่งของปีศาจโดยไม่รู้ตัว ครั้งใดที่ชาวบ้านพยายามจะแทงใส่สัตว์ประหลาดมันก็เหมือนแทงใส่ตัวพวกเขาไปด้วยราวคำสาปร้าย เรื่องสั้นนี้มีทั้งการเปรียบเปรยซ่อนสัญญะและนำเสนอประเด็นถกเถียงเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่น่าสนใจ โดยอ้างอิงของเรื่องนี้อาจเป็น ‘The Host’ (2006) และ ‘Stranger Things’ (2022)

เรื่องที่สอง เรื่องของสารวัตรที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวหลังภรรยาเสียไปแล้วทิ้งลูกสาวที่กำลังอยู่ในวัยต่อต้านเอาไว้ โดยที่เขาก็อยากดูแลเธอให้ดีที่สุดแต่ด้วยความเป็นผู้ชายแข็งกระด้างและภาระงานตำรวจเขาจึงไม่มีโอกาสเปิดใจคุยกับลูกสาว เลยกลายเป็นความห่างเหินไป จนกระทั่งบังเอิญที่สองพ่อลูกต้องตกอยู่ท่ามกลางการจู่โจมของปีศาจร้าย

อย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากเพียงใด หนังมีโอกาสเปรียบเปรยความรักของพ่อแม่ระหว่างคนกับสัตว์ประหลาดได้อีกชั้นหนึ่งด้วย โดยอ้างอิงของเรื่องนี้อาจเป็น ‘A Quiet Place’ (2018)  the lake บึงกาฬ เนื้อเรื่อง

รีวิว the lake บึงกาฬ

รีวิว the lake บึงกาฬ บทสรุป

และเรื่องที่สาม ว่าด้วยเรื่องของวิทยาศาสตร์และความเชื่อ นายตำรวจใหญ่ที่ดูแลทั้งจังหวัดพบเจอกับสถานการณ์ที่เกินมือ เขาต้องตัดสินใจโดยมีความปลอดภัยของประชาชนที่หวังพึ่งเขาเป็นเดิมพัน เมื่อสิ้นไร้หนทางเขาบอกให้ประชาชนหันหน้าเข้าหาศาสนาเป็นที่ยึดถือสุดท้าย ในขณะที่อีกทางนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนที่มาศึกษาพฤติกรรม

สัตว์ร้ายพยายามทำความเข้าใจสังเกตจนหาทางรอดได้และพยายามหาทางบอกกับนายตำรวจ เรื่องสั้นนี้ยังอาจนำเสนอในแง่ของการวิพากษ์อำนาจรัฐกับการแก้ปัญหาได้อีกด้วย โดยอ้างอิงของเรื่องนี้อาจเป็น ‘Shin Godzilla’ (2016)

ซึ่งเอาจริงก็ไม่รู้หรอกว่าผู้สร้างคิดอะไรแบบนี้ไว้ไหม แต่สังเกตจากร่องรอยของตัวหนังนั้นพอจะคาดคะเนได้ จึงเห็นทั้งโอกาสที่มันอาจเป็นได้ รวมถึงพอเดาได้ว่าผู้สร้างอยากจะทำอะไรคิดภาพแบบไหนในหัวกับฉากที่หยอดมาแบบนี้แต่ไม่ได้สานต่อ คือดูแล้วทั้งสามเรื่องมีประเด็นและเส้นเรื่องที่แข็งแรงมากพอ บางอย่างอาจไม่ใหม่มีเดินไป

ตามสูตรบ้างแต่ก็เห็นร่องรอยแห่งการต่อยอดอย่างมีชั้นเชิงได้ ทว่าพอเอาสามเรื่องนี้มาทำเป็นหนังยาวเรื่องเดียว มันเต็มไปด้วยแผลตัดแต่งตัดต่อเหมือนซากศพของแฟรงเกนสไตน์ที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไม่สมประกอบก็ไม่ปาน  the lake บึงกาฬ บทสรุป

หนำซ้ำผู้สร้างยังประเมินขนาดของหนังผิดอย่างร้ายแรง เราพออนุมานได้ว่านี่เป็นเหตุการณที่สั่นสะเทือนทั้งจังหวัดอย่างรวดเร็วโดยภัยร้ายนั้นมาจากภูเขาและทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ดูลึกลับ แต่ถ่ายภาพมาเหมือนบึงหรือสระในสวนสาธารณะมากกว่า การเล่าด้วยภาพก็มีภาพกว้างน้อยมากจนเล่าเรื่องแทบไม่ได้ พวกต้องหลบมุมกล้องพวก

ฉากสัตว์ประหลาดนั้นพอเข้าใจได้บ้างแต่เวลาไปจับภาพพวกคนก็เล่นแต่ภาพแคบหมดจนไม่ได้พักสายตา จะว่าวางแผนการสร้างผิดพลาดจนไม่มีพวกฉากเปิดสถานที่หรือให้คนดูเข้าใจพื้นที่ภาพรวม (Establishing Shot) มากพอ หรือเป็นความจงใจให้ดูอึดอัดก็ตอบยาก แต่บกพร่องเรื่องการเล่าเรื่องนั่นเป็นผลลัพธ์ที่ตามมาแน่นอน

สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 6 เต็ม 10 ครับ

รีวิว the lake บึงกาฬ

โดยรวมหนัง

แต่ปัญหาของเรื่องก็คือครึ่งหลังจากที่เล่นปล่อยกันหมดก็อกซะขนาดนั้น ตัวเรื่องหันไปเล่นกับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้หุ่น Animatronics มาเข้าฉากแทนการเล่นมุมมองภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ แบบตอนแรก ซึ่งก็เป็นความต้องการโชว์ให้เห็นมอนสเตอร์ที่ลงทุนสร้างไปเต็มๆ ตาของผู้กำกับ ให้อารมณ์แบบทีเร็กซ์ในจูราสสิคปาร์คตามฝันวัยเด็กของ

ผู้กำกับที่อยากทำหนังแบบนี้โดยตรง ซึ่งมันก็ได้ตามนั้นในส่วนที่โคลสอัพแบบเห็นกันจะๆ แม้จะมี CG บางส่วนที่ผสมเข้าไปด้วยแล้วออกมาไม่เนียนเท่าจูราสสิคก็ตาม แต่พอถึงฉากต้องเคลื่อนไหวเพื่อทำลายล้างกลับแทบไม่มี ไทจูตัวนี้กลับกลายเป็นเหมือนหุ่นทื่อๆ ที่พยายามแยกเขี้ยวคำรามต่อหน้าคนไปเรื่อย ตัวบทก็พยายามยืดกับฉากพวกนี้

ให้อยู่นานๆ แล้วก็เล่นกับความโกลาหลของผู้คนที่แตกตื่นเมื่อเห็นมัน แต่พอมันทำได้แค่นั้น แม้จะมีการเขียนบทรองรับเหตุผลไว้ว่าทำไม มันก็เลยกลายเป็นช่วงของความน่าเบื่อที่เราได้แต่เห็นสัตว์ประหลาดมัวแต่คำรามกับยืนงึกงัก เดินงุ่มงาม ไร้ซึ่งความตื่นเต้นน่ากลัวไปเลย โดยที่ครึ่งหลังแทบไม่มีใครบาดเจ็บหรือตายเลย (มีตายคนเดียว) ซึ่งผิดวิสัยของหนังสัตว์ประหลาดกินคนหรือบุกเมืองแบบนี้มาก  the lake บึงกาฬ สนุกไหม

หลังจากฉากบุกเมืองใหญ่ ตัวเรื่องเหมือนจะจบลงด้วยทางออกที่ง่ายๆ แต่ดันไม่อธิบายเหตุผลให้กระจ่างสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ยังพอมองข้ามได้ แต่เรื่องดันไม่จบลงจริงๆ แล้วมีขยักองค์สุดท้ายไว้เล่าเรื่องที่มาของสัตว์ประหลาด ที่เอาจริงๆ มันควรทิ้งไว้เป็นภาค 2 หรือไม่ก็เอามาใส่ไว้กลางเรื่องเพื่ออธิบายอะไรหลายๆ อย่างให้ครบ ซึ่งตัวเรื่องดันทำช่วงนี้

ได้ลึกลับน่าดูเลยทีเดียว มีผสมความเชื่อโบราณกับความเชื่อทางศาสนาเข้าด้วยกัน แต่เหมือนใส่มาผิดที่ผิดทาง เพราะจากนั้นแล้วคือการทิ้งตอนจบไว้ให้คนตีความเอง ซึ่งเชื่อเลยว่าก็คงงงกันแทบทั้งนั้นว่าทั้งหมดนี้เชื่อมโยงและก่อเกิดเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้ยังไงกันแน่

ในส่วนของนักแสดงไทยโดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกเล่นแข็งๆ หรือติดขัดอะไรมาก เพียงแต่บทพูดอาจจะไม่สมูธเท่าไหร่นัก กับมีตัวละครหนึ่งที่รับบทที่ไม่ค่อยเมคเซนส์หรือมีคำอธิบายให้เข้าใจ ชวนให้อิหยังวะอยู่ตลอดเรื่อง ที่น่าสนใจกว่าคือบทนักวิทยาศาสตร์จีนที่แทรกเข้ามาในเรื่อง ทำให้เรื่องนี้ดูมีส่วนผสมของวิทยาศาสตร์เข้ามาแบบน่าสนใจ

หรือแตกย่อยเรื่องราวไปได้มากขึ้นกว่าแค่ไทจูบุกเมืองแล้วคนหนีตาย แต่ก็น่าเสียดายที่ใส่มาเพียงน้อยนิด แม้จะมีส่วนช่วยแก้ไขเหตุการณ์นิดๆ แต่ด้วยความที่เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นจีนฉายที่จีน ที่เห็นว่าเนื้อหาแตกต่างไป ตอนจบก็แตกต่าง รวมๆ แล้วถึง 20-30% ตามที่ผู้กำกับเคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะเป็นงานร่วมทุนสร้างกับจีนด้วย

ซึ่งบางทีตอนจบที่แตกต่าง และการได้นักแสดงจีนที่มาทำให้เรื่องดูอินเตอร์มีวิทยาศาสตร์เข้ามามากขึ้นหลุดไปจากบทเวอร์ชั่นนี้ที่มีความเชื่อไทยๆ ใส่ไว้เยอะ และดันทิ้งไว้ให้คนไทยดูแล้วตีความหาความเชื่อมโยงเอง แต่ผลลัพธ์คือความไม่เคลียร์และชวนงงสับสนมากในตอนจบ

แต่ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าเป็นหนังที่คนสร้างกล้าคิดกล้าทำ และก็ทำมันออกมาได้ดีทีเดียวในช่วงครึ่งแรก ซึ่งถ้าไม่พลาดในครึ่งหลังนี่ก็ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ของไทยเรื่องแรกที่น่าชมไม่น้อย แต่หนังก็ไม่ถือว่าแย่หรือห่วยแต่อย่างใด แค่อาจจะมิสทาเก็ตผิดเป้าหมายที่ควรจะเป็นไปเท่านั้นครับ

The Lake บึงกาฬ ก็เป็หนังสัตว์ประหลาดที่นับว่าทะเยอทะยานมาก มีประเด็นแฝงและแนวทางความเป็นมอนสเตอร์ของมันที่ออกมาดี แต่ข้อเสียคือยังเล่าไม่ดี

หนังสรุปตัวมันได้สะดุดมาก ๆ เลยทำให้มันมีทั้งจุดบกพร่องอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้เป็นหนังที่ดีนัก แต่ขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้แย่เช่นกัน บางสิ่งบางอย่างก็ยอมรับว่ามันทำออกมาดี เลยเรายังคงจอยกับหนังมากกว่าที่จะไม่ชอบ

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่   รีวิวหนังไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *