เรื่องนี้เป็นหนังไทยคุณภาพจากงานเทศกาล นำแสดงโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ และ อัด อวัช รัตนปิณฑะ และ เอม ถาวรศิริ ผลงานความร่วมมือกับ เนรมิตรหนังฟิล์ม กำกับโดย นนทวัฒน์ นำเบญจพล สตรีมพร้อมกันทั่วโลก 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ Netflix

ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวของเรื่องนี้ Doi Boy มาทำความรู้จักกับผู้กำกับของเรื่องนี้กันก่อน นนทวัฒน์ นำเบญจพล ชื่อเล่น เบิ้ล เขาเป็นผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างชาวไทย

จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปะและการออกแบบ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลงานของเขามักเกี่ยวพันกับ พื้นที่ อย่างมีนัยยะสำคัญ

เช่น หนังสารคดีเรื่องแรกอย่าง โลกปะราชญ์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของบรรดานักเล่นสเก็ตบอร์ดที่พยายามหาที่ทางของตัวเองในสังคมไทย ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท จีทีเอช จำกัด สามารถติดตามการรีวิวของเราได้ที่ หนังไทยใหม่

และกลุ่ม ไทยอินดี้ ของ ธัญสก พันสิทธิวรกุล ทั้งยังได้ร่วมฉายในงานเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพ และเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ และนอกจากนี้

Doi Boy รีวิว ในปี 2556 ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง สายน้ำติดเชื้อ ยังได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโลการ์โน่ และได้รับรางวัล Special Mention ในสาย Concorso Cineasti del presente อีกด้วย

Doi Boy netflix ผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า ตอนทำงานในโปรเจกต์ที่เจาะลึกถึงชีวิตของทหารชาวไทใหญ่ อย่าง ดินไร้แดน เราพบว่า คนไทใหญ่หลายคนไม่มีความฝัน

แรงบันดาลใจของนนทวัฒน์ นำเบญจพล

และไม่รู้ว่าคนเราสามารถวาดฝันได้ด้วย สิ่งหนึ่งที่พวกเขาพอจะฝันได้คือการย้ายมาอยู่เชียงใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเป็นความฝันเดียวที่พอเป็นไปได้ แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่คือการไม่มีเอกสารรับรอง ทำให้หลายๆ คนจบความฝันของตัวเองด้วยการทำงานในบาร์เกย์ เพื่อรับค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ

นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบวิธีการทำงานระหว่างภาพยนตร์ ดอยบอย สารคดีกับภาพยนตร์ขนาดยาวให้ฟังว่า เวลากำกับภาพยนตร์สารคดี ผมจะใช้วิธีกำหนดประเด็นและให้เจ้าของเรื่องเป็นผู้นำในการเล่า

พอยังไม่เคยกำกับภาพยนตร์ รีวิว ดอยบอย ที่นักแสดงเป็นคนทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว ก็เลยยังไม่เคยมีประสบการณ์กำกับนักแสดงมาก่อน ผมจึงลองให้นักแสดงพัฒนาบทเองโดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ของเรื่อง ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ตัวละครมีมิติเพิ่มขึ้นมากครับ

ก่อนที่หน้านี้ที่พูดถึงแสดงของเรื่องนี้ ดอยบอย นักแสดง มาไล่ทำความรู้จักกันที่ละคนเริ่มที่ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เกิด 2 กันยายน พ.ศ. 2527 ชื่อเล่น เป้ เป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง

และนายแบบชาวไทย เข้าสู่วงการบันเทิงจากการเดินแบบ ก่อนจะมีผลงานเพลงในฐานะมือกีต้าร์ของวงสเลอ และเริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง บอดี้ศพ 19

อารักษ์ อมรศุภศิริ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2527 เป็น ลูกชายคนโต ของ คุณพ่อ ไพโรจน์ อมรศุภศิริ และ คุณแม่ ระเบียบ ศรียี่ทอง มีน้องสาว 1 คน ชื่อ มาริสา อมรศุภศิริ ชื่อเล่น ปอม

และต่อด้วย อัด อวัช รัตนปิณฑะ เกิด 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ชื่อเล่น อัด เป็นนักแสดงและนักร้องชายชาวไทย เป็นที่รู้จักกันจากบท โอ๊ค ใน ดอยบอย netflix ซีรีส์ ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น และซีรีส์ เพื่อนเฮี้ยน โรงเรียนหลอน ตอน คราบ และเป็นที่รู้จักในอีกบทบาทฐานะ นักร้องนำวง mints ดูโอ้คู่กับต้นหน ตันติเวชกุล

อวัชสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และระดับปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และ เอม ถาวรศิริ เป็นนายแบบและนักแสดงชายชาวไทย เกิดปีพ.ศ. 2536 เอมเข้าสู่วงการบันเทิงจากการถ่ายแบบแฟชั่น จนในปีพ.ศ. 2562 เอมก็ได้มีโอกาศแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในภาพยนตร์ Doi Boy นักแสดง เรื่อง นคร – สวรรค์

ในปีต่อมาเอมก็ได้มาแสดงแสดงซีรีส์เรื่อง Sleepless Society ตอน ลวง ละเมอ รัก เอมมีชื่อเสียงและถูกพูดถึงมาขึ้นจากการแสดงในซีรีส์ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 ตอน รับน้อง และในปีพ.ศ. 2565 เอมก็ได้มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับวงการเกมเรื่อง อาชญาเกม

เรื่องนี้ ดอยบอย pantip ได้เลือกพูดถึง 3 ตัวละครที่เป็นตัวละครหลักในเรื่องซึ่งมีสถานะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เริ่มจาก ศร โดย อัด อวัช รัตนปิณฑะ หนุ่มแรงงานไทใหญ่ที่หนีสงครามมายังประเทศไทย

และ จิ โดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ผู้รักษากฎหมาย และ วุธ โดย เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ นักกิจกรรมที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเพื่อนที่ถูกอุ้มหายของตัวเอง

โดยมีสิ่งที่ครอบชีวิตของพวกเขาเอาไว้ก็คือระบบราชการ ที่ในหลายๆ ครั้งภาพยนตร์พูดอย่างตรงไปตรงมาว่ามันเป็นต้นสายปลายเหตุที่บีบรัดสถานการณ์ของตัวละครทั้งหมดภายในเรื่อง

และยังมี ดอยบอย ตัวละคร ที่น่าสนใจมากกว่าสามตัวละครนี้ก็คือ ปาณิสรา ริกุลสุรกาน รับบท บี๋ และอรจิรา แหลมวิไล รับบท ส้ม ด้วยนั้นเอง

ความรู้สึกที่อยากจะบอกก่อนที่จะเข้าสู้เรื่องราวของเรื่องนี้ก็คือ ทุกอย่างไหลลื่นในภาพยนตร์ ทุกอย่างเป็นของเหลว อาชีพที่ไหลลื่น สัญชาติที่ไหลลื่น

และมิตรภาพ เพศ ความสัมพันธ์ ค่านิยม ลำดับความสำคัญ แต่กระแสนั้นเชื่อมโยงด้วยความสง่างามอันอ่อนโยน แม้จะมีความเป็นจริงที่โหดเหี้ยมที่สุดก็ตาม

ฉันอยากจะอวยพรให้ Doi Boy ตัวละคร ทุกตัวโชคดีจริงๆ แต่ฉันก็ไม่ต้องกังวล เพราะพวกเขาดูเหมือนมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดอย่างกล้าหาญ เกือบทั้งหมด

โดยรวมแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโศกเศร้า ความโหยหา การลาออก ความพากเพียร ล้วนติดอยู่ในสายตาของผู้นำ หนังดี

ฉันหวังว่าผู้คนจะไม่ล้างความผูกพันและความใกล้ชิดของผู้ชายโดยตรง มันช่วยเสริมหนังเรื่องนี้ ดอยบอย พระเอก ได้อย่างแน่นอน และฉันหวังว่ามันจะไม่ถูกแย่งชิงไป

เป็นเรื่องราวของ Doi Boy pantip ศร เด็กหนุ่มที่ลี้ภัยเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และทำงานค้าประเวณีในบาร์เกย์ที่จังหวัดเชียงใหม่

ชีวิตของเขาเริ่มสั่นคลอนเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 บาร์ที่เขาทำงานประจำจึงต้องปิดตัวลง ศรต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหารายได้ทางอื่นเพิ่มท่ามกลางอุปสรรคนานัปการ

และหนึ่งในนั้นคือการที่เขาไม่มีพาสปอร์ตเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ศรแทบหางานทำเพื่อประทังชีวิตไม่ได้ ขณะที่เงินเก็บก็เริ่มร่อยหรอลงทุกที หากแต่จุดเปลี่ยนก็มาถึง

เมื่อ จิ ในเรื่องนี้ Doi Boy เรื่องย่อ ลูกค้าประจำของศร ออกปากให้ศรช่วยทำภารกิจหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ วุธ นักกิจกรรมที่ทางการกำลังตามล่าตัว ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอันแสนระอุที่ก่อตัวขึ้นในประเทศ

ตลอดจนข่าวคราวการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักกิจกรรมคนอื่นๆ ชีวิตที่เลือกไม่ได้ บีบให้ศรไม่มีทางเลือกอีกครั้ง และการตัดสินใจในครั้งนี้ยังส่งผลให้ชีวิตของคนทั้งสามพลิกผันไปตลอดกาล

เรื่องนี้ ดอยบอย นางเอก จัดได้ว่าเป็นหนังสะท้อนปัญหาสังคมอย่างจัดจ้าน เป็นการหยิบจับเอาประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เรามักจะเคยเห็นกันตามหน้าข่าวบ่อย ๆ จนนั่นกลายเป็นความชินชาของผู้คนทั่วไป

กระทั่งกลายเป็นความเพิกเฉยต่อปัญหานั้น ๆ เพียงแค่มันไม่ได้รับผลกระทบกับคนนั้น ๆ โดยหนังพยายามที่สอดแทรกปัญหาที่้ต้นเหตุล้วนจากเกิดจากความเหลื่อมล้ำแทบจะทั้งสิ้น

การเล่าเรื่องราวของหนังที่มีความหนักแน่นอย่างมาก

หนัง ดอยบอย เรื่องย่อ ไทยที่ประเด็นค่อนข้างหนักแน่นและมีน้ำหนักเป็นอย่างมาก เส้นเรื่องชัดเจนว่ากำลังเล่นอยู่ในทิศทางใด พร้อมกับจังหวะการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างพาคนดูถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ

ถึงแม้ว่าโทนในการเล่าเรื่องของหนังอาจจะจำเป็นต้องมีการตีความและไม่ใช่สไตล์ของหนังเชิงพาณิชย์ทั่วไป นี่คือหนังค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความขบถอยู่ในตัว แต่พวกเขาก็สามารถร้อยเรียงเรื่องราวออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาด้วยความเป็นตัวของตัวเอง

ภาพยนตร์ ดอยบอย สรุป สามารถมีความน่าสนใจได้แม้จะมีตัวละครน้อยมากก็ตาม สิ่งเดียวที่ต้องการคือความเชื่อมั่นจากผู้สร้าง ดอยบอยเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ มันมีขนาดไม่ใหญ่นักบนกระดาษหรือแม้แต่บนหน้าจอ

โดยมอบหมายงานให้กับตัวละครเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ ดอยบอย ผู้กำกับ พยายามที่จะสะท้อนถึงวิกฤตชายแดนระหว่างประเทศไทยและเมียนมาร์ ความสัมพันธ์ของ LGBTQ

และการเคลื่อนไหวของพลเรือนในการต่อต้านอาชญากรรมที่กระทำโดยรัฐบาล เรื่องราวดำเนินไปในไนท์คลับแหวกแนว ที่ซึ่งจี ตำรวจที่ทำสัญญาฆ่าในขณะที่ทำงานรองของเขาได้พบกับศร

รายหลังเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายที่ถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อกองทัพเมียนมาร์ หากต้องการอยู่ในประเทศไทย เขาจำเป็นต้องมีเอกสารที่เหมาะสม นอกเหนือจากหนังสือเดินทางที่จำเป็นมาก

ในทางกลับกัน ตำรวจต้องการคนที่สามารถแอบพาเขาไปพม่าอย่างเร่งด่วน ดังที่คุณอาจเดาได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายเป็นความสัมพันธ์แบบให้และรับ

ความสำนึกผิดและความรอดเป็นลักษณะเด่นของภาพยนตร์ Doi Boy ผู้กำกับ และต้องใช้แนวทางที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่าเพื่อพรรณนาถึงสิ่งเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างจะน่ากลัว ทำให้ผู้ชมต้องรับผิดชอบหลายประการ การที่ดอยบอยให้ความสำคัญกับอาชญากรรมสงครามและความขัดแย้งชายแดนระหว่างเมียนมาร์และไทยทำให้เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องทางสังคม

บทภาพยนตร์มีความซับซ้อนแต่ก็น่าสับสนเช่นกัน แต่ก็ช่วยสร้างเรื่องราวและสร้างความอยากรู้อยากเห็นได้ในระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้

สุดท้ายนี้ความรู้สึกส่วนตัวหลังจากที่ดูเรื่องนี้ Doi Boy สปอย จบเริ่มที่ตัวละครของเรื่องนี้ก่อนเลย อวัฒน์ รัตนปินธา รับบท ศร และ อารักษ์ อมรศุภสิริ รับบท จิ จากเรื่องดอยบอย ทั้งสองมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดซึ่งทำให้หน้าจอสว่างขึ้นแม้ในฟิล์มสีเข้ม

พวกเขาเสริมซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบ่งเวลาหน้าจอ ในขณะที่อวัฒน์แสดงกิริยาสุภาพและมีเสน่ห์อันเงียบสงบ อารักษ์ก็ดึงดูดความสนใจในบทบาทที่กำหนดโดยแก่นแท้ที่เข้มข้น

แต่ ๆ เรื่องนี้ก็มีข้อเสีย จังหวะของภาพยนตร์เรื่องนี้เชื่องช้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ เป็นการเคลื่อนไหวที่คล้ายกับการคลานของหอยทาก การเล่าเรื่องที่เนือยๆ นี้ขัดแย้งกับธีมอาชญากรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดง

แม้จะมีความยาวเป็นร้อยนาที แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับรู้สึกยืดเยื้อเนื่องจากจังหวะที่ตั้งใจไว้ และถึงแม้เนื้อเรื่องจะน่าสนใจ แต่ก็เสี่ยงที่จะดูน่าเบื่อ

ถึงแม้ว่าการเล่าเรื่อง ดอยบอย สปอย ค่อนข้างซับซ้อน ในองค์ประกอบบางอย่างในโครงเรื่องยังคงเข้าใจยาก เนื่องจากผู้สร้างเพียงเกาผิวเผิน ทำให้ผู้ชมเข้าใจแง่มุมที่สำคัญได้ยาก

ตัวละครขาดความลึก ไม่สามารถจัดหาส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมโยงที่มีความหมายกับผู้ชมได้ เมื่อพิจารณาถึงความหนักหน่วงของเนื้อหาแล้ว การประหารชีวิตที่เชี่ยวชาญยิ่งขึ้นจึงมีความจำเป็น

นอกจากนี้ ยังมีการจองเกี่ยวกับโครงเรื่อง ดอยบอย เชียงใหม่ อีกด้วย แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะยกระดับความสามารถ แต่ผลกระทบที่ต้องการก็ไม่เกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์ไม่ได้นำเสนอในลักษณะที่ตอบสนองความคาดหวังอีกด้วย